เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ( 20 ก.พ.) ประธานาธิบดี "โจ ไบเดน" ของสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครนแบบไม่มีกำหนดการล่วงหน้า
ทันทีที่เดินทางไปถึง ผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินทางไปยังวังมาริสนกี ซึ่งเป็นบ้านพักของประธานาธิบดียูเครน เพื่อพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนและโอเลียนา เซเลนสกา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ก่อนจะหารือร่วมกัน
“ไบเดน”เซอร์ไพรส์เยือนกรุงเคียฟ ก่อนครบรอบ 1 ปีสงครามรัสเซีย-ยูเครน
IMF เตือน 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยปีนี้
ผู้นำของยูเครนได้กล่าวต้อนรับผู้นำของสหรัฐฯ โดยระบุว่า การเดินทางมาเยือนของผู้นำสหรัฐฯ มีความหมายอย่างมากกับยูเครน และเขารู้สึกซาบซึ้งใจกับความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้ยูเครนนับตั้งแต่วันแรกที่รัสเซียเข้ารุกราน
ด้านประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า การเดินทางมาเยือนยูเครนของเขาในครั้งนี้เป็นไปเพื่อแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ จะอยู่สนับสนุนยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง และการทำสงครามของผู้นำรัสเซียกำลังล้มเหลว
ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า สหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือยูเครนอีก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ( 21 ก.พ.)
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังระบุว่า สหรัฐฯ จะช่วยมอบความช่วยเหลือที่มีรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะให้ยูเครนอีกหลายพันคัน รวมไปถึงปืนใหญ่ ระบบยิงจรวดที่ทันสมัย ระบบป้องกันภัยทางอากาศและต่อต้านเรือ รวมไปถึงกระสุนปืนใหญ่อีก 2 ล้านนัด
หลังจากนั้น ผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำยูเครนได้เดินทางไปเยือนวิหารมิคาอิล และอนุสรณ์สถานของวีรชนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ผนวกคาบสมุทรไครเมียเมื่อปี 2014
โดยในขณะที่ทั้งสองเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานในกรุงเคียฟ เสียงของระบบเตือนภัยทางอากาศก็ดังก้องทั่วกรุงเคียฟ
หลังจากนั้น ประธานาธิบดีไบเดน ก็ได้เดินทางต่อไปยังโปแลนด์ตามกำหนดการที่ได้วางไว้ เพื่อหารือร่วมกับประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดาระหว่างวันที่ 20-22 ก.พ.นี้
การเยือนเมืองหลวงยูเครนของผู้นำสหรัฐฯ ถือว่ามีนัยและความสำคัญอย่างมาก เพราะเกิดท่ามกลางสงครามที่กำลังดำเนินไปอย่างรุนแรง
นี่เป็นการเยือนยูเครนครั้งแรกของประธานาธิบดีไบเดน นับตั้งแต่เกิดการรุกรานจากรัสเซียเมื่อเดือนก.พ. ปีที่แล้ว
แพทริก บูรี ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงศึกษาจากมหาวิทยาลัยบาธและอดีตนักวิเคราะห์ของนาโตมองว่า การเดินทางเยือนกรุงเคียฟของผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนี้ คือการให้คำมั่นว่า ชาติพันธมิตรนาโตจะให้ความช่วยเหลือยูเครนและพร้อมทำสงครามยาว
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ยังคาดว่า การเยือนที่เกิดขึ้นวันนี้ ผ่านการวางแผนล่วงหน้าเป็นอย่างดี และอาจมีการพูดคุยกันกันมาก่อนที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีจะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ส่วนสาเหตุที่การเยือนต้องเป็นวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นเหตุด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าในวันที่ 24 ก.พ. รัสเซียอาจทิ้งระเบิดหรือโจมตีทางอากาศใส่กรุงเคียฟของยูเครน
ด้านประชาชนในกรุงเคียฟ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับการเดินทางมาเยือนยูเครนของประธานาธิบดีไบเดนในครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
การเดินทางไปเยือนกรุงเคียฟของผู้นำสหรัฐฯ นอกจากจะเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามที่รุนแรงแล้ว ยังเกิดขึ้นหลังจากการที่สหรัฐฯ และจีนโต้เถียงกันเรื่องสงครามในยูเครน
หลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าจีนกำลังพิจารณาส่งอาวุธหนักช่วยรัสเซีย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซี (ABC) ว่า ในการประชุมที่นครมิวนิกของเยอรมนี สหรัฐฯ ได้หารือกับจีนเรื่องความกังวลที่จีนจะส่งอาวุธให้แก่รัสเซีย
ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ต่อว่า สหรัฐฯ กำลังติดตามพฤติกรรมของจีนอย่างใกล้ชิดและมีข้อมูลว่าจีนกำลังพิจารณาส่งอาวุธหนักเพื่อช่วยเหลือรัสเซียรุกรานยูเครน
ขณะที่โจเซพ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในวันนี้
โดยระบุว่าเขากังวลกับเรื่องการส่งอาวุธให้ยูเครนของจีน และได้ขอร้องไม่ให้ทางการจีนส่งอาวุธให้ยูเครน ขณะเดียวกันก็ได้กำชับว่า ประเด็นการส่งอาวุธให้รัสเซียไม่ใช่แค่ความกังวลเท่านั้น แต่เส้นตายระหว่างความสัมพันธ์ของจีนกับยุโรปด้วย อย่างไรก็ดี วันนี้ทางการจีนได้ออกมาตอบโต้เรื่องดังกล่าวแล้ว
วันนี้หวัง เหวินปิน โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาระบุว่า สหรัฐฯ ไม่มีอำนาจในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซีย และหลักการของจีนต่อความขัดแย้งในยูเครนคือ การโน้มน้าวให้เกิดสันติภาพและส่งเสริมการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง
ขณะเดียวกัน จีนต้องการให้สหรัฐฯ ทบทวนพฤติกรรมของตนเองก่อนและตลอดจนเลิกเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อใส่ร้ายจีน