แอปเปิล เปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2019 อยู่ที่ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.8 ล้านล้านบาท ลดลงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายไอโฟนในช่วง 3 เดือนแรกของปีลดลงถึง 17 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สู่ระดับ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณกว่า 9.8 แสนล้านบาท
โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทออกมาเตือนว่ายอดขายไอโฟนชะลอตัวลง โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งแอปเปิลเผชิญการแข่งขันในตลาดกับสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกกว่าจากคู่แข่ง อย่างเช่น หัวเว่ยและเสี่ยวหมี่ (Xiaomi) แต่ ทิม คุก ประธานบริหารของแอปเปิล กล่าวว่า การปรับลดราคาไอโฟนในจีน เพื่อกระตุ้นยอดขายและความต้องการผู้บริโภค ช่วยฟื้นยอดขายไอโฟนให้กระเตื้องขึ้นจนถึงช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมให้เครดิตด้านความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตัวผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น แอปเปิล วอทช์ ตลอดจนความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้แอปเปิลยังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้บริษัทในช่วงไตรมาสที่ 3 ว่าจะอยู่ที่ระหว่าง 5.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ถึง 5.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กันนักลงทุน ส่งผลทำให้หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ในการซื้อขายหลักทรัพย์นอกเวลาทำการด้วย
ทั้งนี้ แอปเปิลพยายามเปลี่ยนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อไอโฟนไปสู่การให้บริการของบริษัท เห็นได้จากการที่เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทประกาศเปิดตัว แอปเปิล ทีวี พลัส (Apple TV+) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งใหม่ล่าสุด เพื่อให้บริการเนื้อหาของตัวเองแข่งกับ เน็ตฟลิกซ์ โดยรายรับจากบริการดังกล่าวของแอปเปิลเพิ่มขึ้นแตะ 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
รูปภาพ : AFP