นายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง พร้อมด้วยนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เจ้าของเฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” ได้รับมอบอำนาจจากครอบครัวของ น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้นำเช็คจำนวนกว่า 41 ล้านบาท
มาวางต่อศาลแพ่ง เพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ครอบครัวเหยื่อที่ถูกรถชนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดเมื่อเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตามพบว่า ยังขาดเงินที่ต้องชดใช้ให้เหยื่ออีกประมาณ 8 แสนบาท เนื่องจากมีการทำยอดผิดพลาด ซึ่งทางครอบครัวของ น.ส.แพรวา จะได้นำมาวางกับศาลเพิ่มเติมต่อไป
ด้านนายกรรชัย เปิดเผยว่า ครอบครัวแพรวา ได้ส่งโฉนดที่ดินให้กับตนเพื่อช่วยขายชดใช้หนี้ โดยตนพยายามช่วยขายที่ดินให้แต่ติดขัดปัญหาอยู่หลายเรื่อง กระทั่งสุดท้ายทางครอบครัวแพรวาได้ยืมเงินจากเพื่อนและญาติมาทั้งหมดกว่า 41 ล้านบาท แต่ยังขาดเงินอีกประมาณ 8แสนบาท เนื่องจากเข้าใจตัวเลขคลาดเคลื่อน ซึ่งภายใน 2-3 วันนี้จะนำเงินมาวางต่อศาลเพิ่มเติมให้ครบถ้วนตามต่อไป ส่วนทางครอบครัว น.ส.แพรวา ในวันนี้ไม่สะดวกที่จะเดินทางมาศาล เลยมอบหมายให้ตนเองเป็นผู้ดำเนินการแทน
ด้านนายโอภาส อนันตสมบูรณ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง เปิดเผยว่า จำนวนเงินที่ฝ่ายจำเลยจะต้องชดใช้เยียวยาให้ผู้เสียหาย มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 42ล้าน 6แสนบาท (42,637,810.40 บาท) ซึ่งยังเหลือเงินอีก 8 แสนบาท โดยทางครอบครัวของ น.ส.แพรวา จะต้องนำมาชำระเพิ่มเติม แต่ก็จะถูกนับดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน โดยจะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 จนกว่าจะจ่ายเงินครบถ้วนต่อไป
ส่วนการจ่ายเงินคืนผู้เสียหายแต่ละรายว่า เบื้องต้นทางศาลแพ่งได้มีบัญชีไว้อยู่แล้วว่าจะต้องจ่ายให้ผู้เสียหายรายละเท่าใด โดยหากได้เงิน 8 แสนบาทที่เหลือมาครบถ้วนแล้ว ก็จะสามารถนำจ่ายผู้เสียหายได้ทันที ทั้งนี้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งได้กล่าวขอบคุณฝ่ายจำเลยที่รีบนำเงินมาวางต่อศาลเพื่อให้คดีนี้สิ้นสุดลง และยืนยันว่าศาลให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายและขอให้สังคมได้เข้าใจ
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับรายงานแล้วว่าครอบครัวของ น.ส.แพรวา จะนำหลักทรัพย์ ไปวางกับศาลเพื่อจ่ายชดเชยให้กับญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมขอบคุณฝ่ายจำเลยที่พยายามแสดงความรับผิดชอบ โดยหลังจากนี้ถ้าหากฝ่ายจำเลยวางหลักทรัพย์ครบถ้วนแล้ว กระบวนการบังคับคดีของกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม ก็จะต้องยุติลงเช่นกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวย้ำว่า หากทุกอย่างเรียบร้อยในวันนี้ ก็ถือว่ากระบวนการทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว และคงไม่ต้องไปถึงการบังคับคดี ยึดทรัพย์ และประมูลทรัพย์สิน โดยหลังจากนี้ฝ่ายโจทก์และจำเลย ก็สามารถดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินตามที่ศาลสั่งได้ทันที