วิเคราะห์อุณหภูมิกับการระบาดของโควิด-19


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จากรายงานการวิจัยของต่างประเทศ เชื่อว่า “อุณหภูมิ มีผลต่อการระบาดของโควิด-19”

จากรายงานการวิจัยของต่างประเทศ ทำให้เชื่อว่า “อุณหภูมิ มีผลต่อการระบาดของโควิด-19” หากอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 7-16 องศาเซลเซียส (ยุโรปกับอเมริกาในตอนนี้) จะเกิดการระบาดมาก

“แมทธิว ดีน” ติดเชื้อ "โควิด-19"

ลูกสาว ผอ.สุวรรณภูมิ แฉรัฐบาลกรณี “ผีน้อย”

 ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลก พุ่งทะลุแสนคน

ผู้เชี่ยวชาญจีน คาด โควิด-19 ระบาดทั่วโลก อย่างน้อยถึงมิ.ย.นี้

โดยในกรณีที่ไม่เลวร้าย (กรณีพื้นฐาน Base Case) สังเกตได้จากประเทศจีน ที่มีช่วง Peak หรือจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาสูงที่สุดราว 60,000 คน ในวันที่ 17 ก.พ. 63 ซึ่งเป็นช่วงที่มีแณหภูมิเฉลี่ย 4 องศาเซลเซียส เป็นสภาวะที่เหมาะสมแก่การแพร่ระบาดของโควิด-19

แต่เมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อก็เริ่มลดลง โดยเฉพาะในประเทศจีน ในเดือน มี.ค. 63 อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 13 องศาเซลเซียส แปรผกผันกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง จนคาดว่า ในเดือน เม.ย. 63 อุณหภูมิเฉลี่ยประเทศจีนจะอยู่ที่ราว 18 องศาเซลเซียส จำนวนผู้ติดเชื้อจะกลายเป็น 0 ในเดือน เม.ย. 63 นี้เอง

และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเกิน 20 องศา จะมีผลให้การระบาดของโควิด-19 ลดน้อยลง เมื่อูที่อุณหภูมิของประเทศที่เริ่มมีการระบาดสูง เช่น สหรัฐฯ อิตาลี จะพบว่า สหรัฐฯ มีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 0-4 องศาเซลเซียส อิตาลีมีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 6-12 องศาเซลเซียส นั่นทำให้มีการตั้งสมมติฐานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกนอกจากจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไปถึงจุด Peak สูงสุดในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เม.ย. 63 และจะลดลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นในเดือน มิ.ย. 63

เมื่อมองในแง่เศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบไม่น้อยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดทอง หรือตลาดน้ำมัน ดังนั้นจึงอนุมานได้ว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดบรรเทาลง เศรษฐกิจจะเริ่มมีการฟื้นตัว ในที่นี้ นับว่าการบรรเทาลงจะเริ่มในเดือน ม.ย. 63 นั่นหมายความว่า ดัชนีหุ้นในช่วงนี้จะผันผวนตามการแพร่ระบาด จนกว่าสังคม นักลงทุน ตลอดจนประชาชนทั่วไป จะเห็นว่าการระบาดอยู่ในสภาวะที่อิ่มตัวและ “เอาอยู่” แล้ว (อีก 4 สัปดาห์นับจากวันนี้)

งานวิจัยยังได้ตั้งสมมติฐาน เพื่อประเมินสถานการณ์ โควิด-19 เป็นไทม์ไลน์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ดังนี้

กรณีพื้นฐานที่ไม่เลวร้าย

สมมติฐาน – โควิด-19 ได้รับการควบคุม: กิจกรรมทั้งโลกตกต่ำในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 แต่จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

  1. จีนฟื้นฟูประเทศอย่างต่อเนื่อง สามารถรีสตาร์ทเศรษฐกิจได้สมบูรณ์ในเดือน เมษายน 2020 กำลังการผลิตในจีนจะกลับมาเป็นปกติ
  2. นอกประเทศจีน จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนถึง มิถุนายน 2020 มาตรการหลายอย่างจะถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมและลดการแพร่ระบาด
  3. อุปสงค์ของโลกจะเพิ่มขึ้น เริ่มจากจีนไปยังประเทศอื่น จะเริ่มในเดือน กรกฎาคม 2020
  4. มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิด ภาวะถดถอยในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ไทย ยุโรป

กรณีเลวร้าย

สมมติฐาน – โควิด-19 ยืดเยื้อ: ทั้งโลกตกต่ำตลอดปี 2563

  1. จีนจะกลับมารีสตาร์ทระบบเศรษฐกิจได้อย่างช้า ๆ ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 แต่อาจเกิดการติดเชื้อในพื้นที่ หรือการติดเชื้อซ้ำได้อีก
  2. นอกประเทศจีน การแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นจนถึงเดือน กันยายน 2563 เคสใหม่ ๆ จะแสดงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีอัตราการติดต่อกันในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น (ระยะ 3)
  3. จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างใหญ่หลวง และกระทบต่ออุปสงค์อุปทานระดับโลก
  4. การตกต่ำลงทั้งโลกมีแนวโน้มเกิดขึ้น หาก เศรษฐกิจขั้นสูงหรือตลาดที่พัฒนาแล้ว (Developed Markets, DMs) ทั้งหมด หรือ ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets, EMs) บางส่วน ตกต่ำลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ติดต่อกับตลาดการเงิน

จากงานวิจัย คาดการณ์ว่า ในปี 2563 นี้ ประเทศที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากโควิด-19 คือ ญี่ปุ่น ไทย และกลุ่มประเทศในยุโรป (จีนไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบ คาดว่าเกิดจากสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าในฐานะประเทศแรกที่เกิดการแพร่ระบาด ตามธรรมชาติของไวรัส ที่เมื่อผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึงจุด Peak ก็จะกลายเป็นกราฟลง)

โดยญี่ปุ่นคาดว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำลง 1.7 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี (%YOY) ในกรณีไม่เลวร้าย หรืออาจตกต่ำลง 4.4 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ในกรณีเลวร้าย ส่วนกลุ่มประเทศยุโรปคาดว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำลง 1.0 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ในกรณีไม่เลวร้าย หรืออาจตกต่ำลง 3.6 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ในกรณีเลวร้าย

สำหรับประเทศไทย คาดว่าเศรษฐกิจจะไม่ตกต่ำลง ในกรณีไม่เลวร้าย หรืออาจตกต่ำลง 1.2 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ในกรณีเลวร้าย

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP ประเด็นร้อน

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ