ครึ่งปี 63 โควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจไทยทรุดหนัก!
โควิด-19 ฉุดหุ้นไทยดิ่งกว่า 100 จุด หลังเซอร์กิตเบรกเกอร์ 30 นาที
เดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลก ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Guardian ว่า ประเทศยากจนคือประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษบกิจเพราะโควิด-19 มากที่สุด ภายในเดือนหน้า คนอีกกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก จะต้องเผชิญกับความยากจนเพราะวิกฤตโควิด-19 ทำให้อัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ที่จะตามมาก็คือปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะในประเทศยากจนหรือประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะประเทศเหล่านี้มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่สูงอยู่แล้ว และวิกฤตโรคระบาดจะทำให้คนจนในประเทศเหล่านี้ ยากจนมากกว่าเดิม
ขณะนี้ธนาคารโลกได้เริ่มเสนอแผนบรรเทาหนี้ให้แก่นานาประเทศ เนื่องจากมองว่า ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ กำลังเปลี่ยนเป็น ‘ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ’ โดยในทางเศรษฐกิจนั้น ‘ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ’ นั้นรุนแรงกว่า ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำคือ การที่วงจรธุรกิจอยู่ในช่วงภาวะตกต่ำ มีการผลิตและจ้างงานน้อยลง ที่ทำให้รายได้ต่อครัวเรือนลดลง และส่งผลต่อการลงทุนและการจับจ่ายในตลาดเศรษฐกิจ
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคือ การที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง มีการผลิตและการจ้างงานน้อยลงมากกว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การทำการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศลดลงอย่างมาก
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่โลกเคยเจอคือ ช่วงปี 1930 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มจากการตกของตลาดหุ้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ลามมาถึงภาคธุรกิจ GDP ทั่วโลกตกลงถึง 15 % คนจำนวนมากว่างงาน ในสหรัฐการว่างงานคือ 1 ใน 5 ของประชากร ในปีเดียวกัน สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับพายุฝุ่น Dust Bowl ซึ่งเป็นพายุฝุ่นรุนแรงที่ทำลายพื้นที่เกษตรทางตะวันตกของประเทศ เกษตรกรหลายพันคนจึงตัดสินใจอพยพไปแคลิฟอร์เนียเพื่อหางาน
เมื่อทั่วโลกต้องเผชิญกับการว่างงาน ก็ลามมาถึงการทำมาค้าขาย กำลังการซื้อหด ผู้คนไม่มีเงินใช้จ่าย ธุรกิจชะงักผู้คนจำนวนมาก อดอยาก โดยเฉพาะในประเทศยากจนกว่าจะฟื้นใช้เวลาถึง 3 ปี ในช่วงนั้น Great Depression ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงที่ไทยและเมื่อสองเดือนที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ออกมาเตือนว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกเพราะโควิด-19 ในครั้งนี้ จะเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ Great Depression เมื่อ 90 ปีที่แล้ว