"อินฟานติโน่" ประธานฟีฟ่าติดโควิด-19
ยุโรปอ่วมกลับมาเป็น "ศูนย์กลางการแพร่ระบาดโควิด-19"
หนึ่งในประเทศยุโรปที่กลับมาเผชิญกับการระบาดรุนแรงคือฝรั่งเศส โดย2 สัปดาห์ที่แล้วที่ฝรั่งเศสประกาศภาวะฉุกเฉินและใช้มาตรการเคอร์ฟิวใน 9 เมืองทั่วประเทศ เพราะยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงจนทางการไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ภายใต้มาตรการเคอร์ฟิว ประชาชนห้ามออกจากบ้านระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 06.00 น. ของอีกวัน ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปิดให้บริการหลัง 21.00 น. และห้ามประชาชนรวมตัวในสถานที่พักส่วนตัวเกิน 6 คน
แต่ดูเหมือนว่ามาตรการเคอร์ฟิวจะไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งโรคระบาด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสทุบสถิติ พบยอดผู้ติดเชื้อรายวันกว่า 52,000 ราย ทำให้ตอนนี้ฝรั่งเศสมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้าน 2 แสนราย และมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 35,000 ราย ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดหลายรายออกมาเตือนว่า ฝรั่งเศสไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ และอาจประสบปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลเร็ว ๆ นี้ โดยผู้เชี่ยวชาญได้เรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศสปิดประเทศเป็นรอบที่สอง เพื่อลดอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เฌราลด์ ดาร์มาแนง (Gerald Darmanin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสกล่าวว่ ารัฐบาลฝรั่งเศสกำลังเตเจอกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่งเศสพยายามหลีกเลี่ยงการปิดประเทศรอบสองมาตลอด เนื่องจากการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องตกงานและธุรกิจหลายแห่งต้องล้มละลาย
ขณะนี้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ารัฐบาลฝรั่งเศสจะยกระดับมาตรการอย่างไร ความเป็นไปได้มีหลายทางคือ มาตรการล็อคดาวน์เขต Hotspot อย่าง ปารีส มาร์แซร์ และ ลียง มาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ หรือขยายเวลาเคอร์ฟิวร์ จาก 21.00 น. ถึง 06.00 น. เป็น 19.00 น. ถึง 06.00 น. โดยพรุ่งนี้ประธานาธิบดีมาครงจะประกาศมาตรการใหม่อย่างเป็นทางการ
ด้านสหราชอาณาจักรก็เรียกร้องให้รัฐบาลปิดประเทศเพื่อควบคุมโรคระบาดเช่นกัน ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรประกาศใช้แผนมาตรการล็อคดาวน์ 3 ระดับ โดยแต่ละพื้นที่จะใช้มาตรการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระบาด แต่วิกฤตไวรัสในสหราชอาณาจักรยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรพบยอดผู้เสียชีวิต 367 รายภายในเวลา 24 ชั่วโมง นับเป็นยอดผู้เสียชีวิตรายวันที่สูงที่สุดตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้สหราชอาณาจักรมียอดผู้ติดเชื้อสะสมราว 918,000 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 60,000
หลังยอดผู้เสียชีวิตในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักวิทยาศาสตร์จาก Independent SAGE ได้ออกมาเตือนว่ามาตรการล็อคดาวน์บางพื้นที่ของรัฐบาลนั้นไม่ได้ผลและไม่เพียงพอสำหรับการควบคุมการระบาดของไวรัส และย้ำว่ารัฐบาลต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์แบบเข้มงวด ที่เรียกว่า Circuit Breaker
มาตรการ Circuit Breaker คือมาตรการล็อดคาวน์ที่บังคับให้กิจกรรมและธุรกิจต้องหยุดลงชั่วคราว ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์และฝ่ายค้านเคยแนะนำให้รัฐบาลใช้มาตรการ Circuit Breaker แต่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันมองว่า มาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มงวดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
การปิดประเทศและการใช้มาตรการคุมการระบาดอย่างเข้มงวดรอบที่สอง จะทำให้ชาวยุโรปหลายรายไม่พอใจ และมันได้เกิดขึ้นแล้วที่อิตาลี ที่กรุงโรม ชาวอิตาลีราว 300 ร้อยคนรวมตัวกันที่จัตุรัสปีอัซซา เดล โปโปโล (Piazza del Popolo) เพื่อประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโรคระบาด พวกเขาแต่งกายชุดสีดำและใส่หน้ากากอนามัย จุดพลุสี พร้อมตะโกนคำว่า อิสรภาพ การประท้วงนำไปสู่การเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผู้ประท้วงยังคงจุดพลุสีและขว้างขวดน้ำใส่เจ้าหน้าที่ จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงและแก๊ซน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม การปะทะกันครั้งนี้ทำให้มีผู้ประท้วง 12 รายถูกควบคุมตัว แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
การประท้วงลักษณะเดียวกับเกิดขึ้นในเมืองอื่น ๆ อย่าง มิลาน เนเปิลส์ ตูริน และทรีเอสต์ หลายพื้นที่กิดเหตุชุลมุน เพลิงไหม้ รวมไปถึงทำลายร้านค้า จนเจ้าหน้าที่ต้องใช้แก๊ซน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม การประท้วงเกิดขึ้นทั่วอิตาลีตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจาก นายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ
ภายใต้มาตรการใหม่ สวนสาธารณะ โรงภาพยนตร์ โรงละคร สถานที่จัดคอนเสิร์ต ยิม และสระว่ายน้ำต้องปิดให้บริการ บาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารต้องหยุดเสิร์ฟอาหารหลังเวลา 18.00 น. ผู้ประท้วงหลายรายกังวลว่ามาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ยังไม่ทันฟื้นตัวจากการปิดประเทศรอบแรก และมาตรการครั้งนี้อาจทำให้พวกเขาล้มละลาย
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อิตาลีพบยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 221 ราย ภายในเวลา 24 ชั่วโมง นับเป็นยอดผู้เสียชีวิตรายวันของอิตาลี ที่สูงที่สุดตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้อิตาลีมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 565,000 ราย และมียอดเสียชีวิตกว่า 37,000 ราย