36ข่าวแห่งปี : จากไวรัสปริศนา สู่ โควิด-19 ไวรัสเปลี่ยนโลก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




พีพีทีวี นิวมีเดีย คัดเลือก 36 ข่าวแห่งปี 2563 โควิด-19 ไวรัสเปลี่ยนโลกและยังไร้จุดสิ้นสุด

ช่วงปลายปี 2562 มีไวรัสชนิดหนึ่งระบาดในมณฑลหูเป่ย์ เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หลายคนเรียกไวรัสชนิดนี้ว่า ไวรัสปริศนา โดยสันนิษฐานกันว่า เป็นไวรัสที่แพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน และมีต้นกำเนิดจากตลาดแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ผู้ป่วยรายแรกเริ่มมีอาการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562 แม้ว่าจะไม่มีความเชื่อมโยงกับตลาดดังกล่าวก็ตาม

36ข่าวแห่งปี : เคอร์ฟิว ล็อกดาวน์ โควิด-19 หยุดโลก ไทยอยู่ในพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้านวิกฤตก่อเกิดวิกฤต!!

36ข่าวแห่งปี : “ไอ้ไข่ฟีเวอร์” ศรัทธาพุ่งแรงในปีวิกฤต

ตลาด “เมืองอู่ฮั่น” ต้นกำเนิดไวรัสโคโรน่า พบเนื้อโคอาลาพร้อมสัตว์อีกนับร้อยชนิด

ต่อมา เว่ย กุ้ยเซียน แม่ค้าขายกุ้ง วัย 57 ปีในตลาดอาหารทะเลฮั่วหนาน ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ล้มป่วย ซึ่งเธอถูกสันนิษฐานว่า อาจเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อ หลังนักวิจัยกำลังศึกษากรณีของเธอกับรายอื่นๆ เพื่อสืบหาผู้ป่วยรายแรกที่เรียกว่า patient zero

วันที่ 16 ธ.ค. เว่ย กุ้ยเซียน ไปหาหมออีกครั้งที่โรงพยาบาล อู่ฮั่น ยูเนียน และพบว่ามีอีกหลายคนอาการเหมือนกับเธอ เว่ย กุ้ยเซียน ถูกกักโรค จากนั้นมีแถลงการณ์คณะกรรมการสุขภาพเทศบาลอู่ฮั่นเมื่อ 31 ธ.ค. พบว่า เธอเป็นหนึ่งในคนไข้ที่ถูกตรวจพบไวรัส SARS-CoV2 ชุดแรกจากทั้งหมด 27 ราย และ เป็นหนึ่งในผู้ป่วย 24 รายที่เชื่อมโยงกับตลาด

ต่อมา ทางการมณฑลหูเป่ย์สั่งปิดตลาดอู่ฮั่น พร้อมเก็บตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อมในตลาดเพื่อส่งตรวจและพบว่ามีเชื้อไวรัสดังกล่าว ในบริเวณตลาดขายสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม

ช่วงปลายเดือน ธ.ค. จางจี้เซียน แพทย์จากโรงพยาบาลหูเป่ย์ รายงานไปยังหน่วยงานสาธารณสุขของจีนว่า โรคระบาดนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งในวันเดียวกันนี้มีผู้ติดเชื้อรวมกว่า 180 รายแต่แพทย์อาจยังไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น

จากนั้นเริ่มมีการพูดถึง เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่  ขณะที่ เว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมายืนยัน พบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสรายแรกของจีนเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. หลังได้รับข้อมูลจากทางการจีน ท่ามกลางยอดผู้ป่วยเริ่มพุ่งสูงขึ้น จากมณฑลสู่มณฑล และเริ่มกระจายไปทั่วประเทศจีน

เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่  เดินทางออกจากจีนเข้าสู่ไทยพร้อมกระจายทั่วโลก

ในช่วงแรกของการแพร่ระบาดการเดินทางระหว่างประเทศยังคงทำได้ตามปกติ นักท่องเที่ยว การทำธุรกิจข้ามประเทศยังดำเนินต่อไป แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลง เมื่อวันตรุษจีน มาถึง ชาวจีนหลายล้านคนเดินทางข้ามเมือง ข้ามประเทศเพื่อท่องเที่ยวและหยุดพักผ่อน เจ้าหน้าที่จีนออกมาแถลงว่า เริ่มพบเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่ระบาดเชื้อจาก “คนสู่คน” ข้อมูลของรัฐบาลจีนยืนยันว่า โดยเฉลี่ยแล้วในทุกๆ เดือนจะมีชาวจีนที่เดินทางไปนิวยอร์ก ประมาณ 900 คน นครซิดนีย์ กว่า 2,200 คน และ ไทย จุดหมายปลายทางยอดนิยมที่สุด ซึ่งมีชาวจีนเดินทางเข้ามามากกว่า 15,000 คนต่อเดือน  นอกจากนี้ยังมี โตเกียว สิงคโปร์ โซล ฮ่องกง สหรัฐ

กลางเดือน มกราคม พบเคสแรกใน “ประเทศไทย” เป็นหญิงชาวจีนเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น พบอาการปวดหัว มีไข้เล็กน้อย เจ็บคอ (คล้ายอาการหวัด) และพบในลักษณะเดียวกันตามเมืองท่องเที่ยว เมืองใหญ่ๆ เช่นกัน

และนับจากนั้นเป็นต้นมาตัวเลขผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต เริ่มพุ่งขึ้นทั่วโลก เริ่มมีการพูดถึงมาตรการปิดเมือง การห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะจากเมืองอู่ฮั่น

1 มี.ค. มีรายงานผู้ป่วยติด เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่  ในอิตาลี อิหร่าน เกาหลีใต้ พุ่งขึ้นหลายพันคนต่อวัน โดยเฉพาะเคสในเกาหลีใต้ ที่แพร่กระจายจากโบสถ์แห่งหนึ่ง กลายเป็น Super Spreader 

เกาหลีใต้ ประกาศสงครามสู้โควิด-19 ติดเชื้อเกือบ 5,200 คน

ขณะที่โซนยุโรปอย่างอิตาลี และฝั่งสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยพุ่งหลักพันคนต่อวันมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจนโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับได้ หลุมฝั่งศพล้น โดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุ

การระบาดในประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย หลังจากพบเคสหญิงชาวจีนคนแรก ก็พิ่มอีก 3 ราย โดยเป็นคุณปู่อายุ 65 ปี และคุณย่าอายุ 62 ปี ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 16-20 กุมภาพันธ์ 2563 และหลานอายุ 8 ขวบ ซึ่งไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน ต่อมามีกรณีการติดเชื้อ จากผับย่านทองหล่อ และ สนามมวยลุมพินี และผู้ไปร่วมชุมนุมศาสนาที่ประเทศมาเลเซียและเดินทางเข้ามาทางชายแดนใต้ของไทย

ต่อมาเริ่มมีการพูดถึงสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโดย  นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพบว่าเป็นสายพันธุ์ S (Serine) จากอิตาลี ขณะที่สายพันธุ์จากอู่ฮั่นเป็นสายพันธุ์ L (leucine)

การตั้งชื่อโรคจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการว่า โควิด-19

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศชื่อที่เป็นทางการสำหรับใช้เรียกโรคทางเดินหายใจที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า "โควิด-ไนน์ทีน" (Covid-19) โดยชื่อนี้มาจากคำย่อในภาษาอังกฤษของคำว่าโคโรนา ไวรัส และดีซีส (Disease) ที่แปลว่าโรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งเลข 19 ซึ่งแสดงถึงปีที่มีรายงานการแพร่ระบาดครั้งแรก (2019)

1 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุข รายงาน พบ ผู้เสียชีวิตรายแรกของประเทศเป็นชายไทย อายุ 35 ปี ซึ่งมีอาการไข้เลือดออกมาแต่เดิมเมื่อปลายเดือนมกราคม ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาได้มีการส่งตัวต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูรภายหลังจากการทดสอบพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงได้มีการรักษาและหายดีตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ แต่ไวรัสสร้างความเสียหายเอาไว้ที่ปอดของผู้ป่วยเกินกว่าจะรักษาได้

5 เดือนเต็มทุกกิจกรรม “หยุดชะงัก”  

ตลอดเวลาเกือบ เกือบ 5 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) การแพร่ระบาดในประเทศไทยและทั่วโลกอยู่ในจุดวิกฤตมาก การเดินทางระหว่างประเทศถูกปิดทั่วโลก สายการบินหยุดให้บริการ ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด (หากเดินทางต้องมีการกักตัว 14 วันเพื่อดูอาการ)  มีการตั้ง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) การประกาศเคอร์ฟิว  22.00-04.00 น. ประกาศงดเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2563

รัฐบาลมีนโยบายให้ปิดสถานที่มีคนมารวมตัวกันเป็นกิจวัตร ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ง่าย โดยสถาบันการศึกษา สถาบันกวดวิชา ร้านนวด ผับ สถานบันเทิง สถานบริการ นวดแผนโบราณ และโรงมหรสพ ร้านตัดผม ฯลฯ บริษัทหน่วยงานต่างๆ เริ่มประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้าน เกิดเป็น Work From Home  เกิดปรากฏการณ์เว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing)  เกิดชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ จนกิดกรณีกักตุน โก่งราคา และขาดตลาด

เริ่มมาตรการผ่อนปรน กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมา

เมื่อสถานการณ์เริ่มควบคุมได้ เดือน มิ.ย. บังคับใช้มาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 3 และ ระยะที่ 4 มีผลบังคับให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน และสามารถใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน หรือสถานศึกษา สถาบันกวดวิชา และสามารถเปิดโรงเแรม โรงมหรสพ ห้องประชุม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร และเครื่องดื่มทั่วไป อนุญาตให้มีการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ยกเว้น สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการประเภทผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานที่พำนักอาศัย สามารถเปิดได้แต่ต้องมีมาตรการ ยกเว้นสถานบันเทิง สถานแข่งขัน และระยะที่ 5 ธุรกิจผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงอาบน้ำ โรงน้ำชา ร้านเกมและอินเทอร์เน็ต เปิดให้บริการ

กังวลระลอก 2 ชายแดนไทยแตก ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากเมียนมาลักลอบเข้าประเทศ

คนไทยกลับจากเมียนมานับร้อย พบติดโควิด 5 คน

แต่ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี แม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ถูกขนานามว่า สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19  ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ก็ไม่วายที่จะมีสถานการณ์สุ่มเสี่ยงสู่การระบาดระลอก 2 อยู่ตลอดเช่น กรณี ทหารอียิปต์ , ผู้ป่วยเด็กครอบครัวของอุปทูตซูดาน,ดีเจสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่พบจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาและกักตัวอยู่ใน สเตท ควอรันธีน  ซึ่งคือมาตรการของรัฐที่ต้องกักตัวผู้เดินทางจากจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อออกไปในวงกว้าง

จนกระทั่ง ช่วงปลายปี 2563 เกิดเหตุการณ์น่ากังวลอีกครั้งเมื่อมีการลักลอบเข้าเมืองบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีต้นตอมาจาก โรงแรมวันจีวัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ล่าสุด 15 ธ.ค. ผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,246 ราย หายป่วยแล้ว 3,949 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย

ขณะที่ทั่วโลกบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กำลังเผชิญกับ การระบาดระลอก 2  โดยผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลก (16 ธ.ค.) รวม 73,760,333 ราย เพิ่มขึ้น 556,851 ราย เสียชีวิต 1,640,046 ราย เพิ่มขึ้น 12,051 ราย รักษาหาย 51,779,171 ราย

โดย ประเทศที่พบรายงานผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อ 17,118,790 ราย เพิ่มขึ้น 174,886 ราย เสียชีวิต 310,641 ราย เพิ่มขึ้น 2,544 ราย รักษาหาย 9,988,860 ราย
2.อินเดีย มีผู้ติดเชื้อ 9,932,908 ราย เพิ่มขึ้น 26,401 ราย เสียชีวิต 144,130 ราย เพิ่มขึ้น 384 ราย รักษาหาย 9,455,793 ราย
3.บราซิล มีผู้ติดเชื้อ 6,974,258 ราย เพิ่มขึ้น 44,849 ราย เสียชีวิต 182,854 ราย เพิ่มขึ้น 909 ราย รักษาหาย 6,067,862 ราย
4.รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ 2,707,945 ราย เพิ่มขึ้น 26,689 ราย เสียชีวิต 47,968 ราย เพิ่มขึ้น 577 ราย รักษาหาย 2,149,610 ราย
5.ฝรั่งเศส มีผู้ติดเชื้อ 2,391,447 ราย เพิ่มขึ้น 11,532 ราย เสียชีวิต 59,072 ราย เพิ่มขึ้น 428 ราย รักษาหาย 179,087 ราย

โควิด-19 อยู่กับโลกใบนี้มา 1 ปีเต็ม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโรคระบาดครั้งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้อย่างมหาศาล และผลพวงของมันกระทบไปไกลเกินกว่าความเจ็บป่วย แต่ยังส่งผลไปถึงเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ อาชีพการงานของผู้คน โดยยังไม่สามารถรู้ได้ว่าจุดสิ้นสุดจะไปจบที่ตรงไหน

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ