วันนี้ (11 ม.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ระบุถึงการเพิ่มเติมมติเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 ที่กำหนดให้ค่ายมือถือคิดอัตราค่าบริการตามการใช้งานจริงเป็นวินาทีทุกรายการส่งเสริมการขาย โดยอ้างว่า มีประชาชนมายื่นข้อร้องเรียน ไม่เห็นด้วยในการกำหนดค่าโทรตามจริงเป็นแบบวินาที โดยเฉพาะกลุ่มมีพฤติกรรมโทรมาก และใช้บริการแบบเหมาจ่าย
เนื่องจากอาจจะทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น หากผู้ให้บริการใช้ช่องโหว่ปรับอัตราค่าบริการตามเงื่อนที่ กทค. กำหนดเพดานค่าบริการต่อวินาทีไว้ เป็นเหตุผลให้ กทค. เพิ่มเติมเงื่อนเป็นมติใหม่ ให้ค่ายมือถือกำหนดค่าโทรเป็นแบบวินาที และนาทีในสัดส่วนเท่ากันที่ 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ
ปัจจุบัน กสทช. กำหนดให้คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ซ คิดค่าบริการเพดานสูงสุดอยู่ที่ 68 สตางค์ต่อ 1 นาที หรือ เฉลี่ยวินาทีละ 1.13 สตางค์ หากโทร 10 นาที นาที ค่าโทรจะอยู่ที่ประมาณ 6 บาท 80 สตางค์ แต่ยังไม่รวมค่าบริการอินเตอร์เน็ต
แต่ปัจจุบันค่ายมือถือได้มีการกำหนดค่าโทรอีกแบบเป็นแบบโปรโมชั่นเหมาจ่ายแบบโทรคิดเป็นนาที เช่น แพ็กเกจ 599 บาท โทรได้ 500 นาทีเป็นต้น ซึ่งเฉลี่ยนาทีละ 1.198 บาท แต่รวมค่าบริการอินเตอร์
ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า ไม่เห็นด้วยกับมติบอร์ด กทค.วันนี้ (11ม.ค.60) เพราะการกำหนดค่าโทรตามจริงแบบวินาทีผู้บริโภคจะได้ประโยชน์มากกว่า และกสทช.ยังถือว่าทำผิดเงื่อนไขการประมูลตั้งแต่แรกที่กำหนดให้ค่ายมือถือคิดค่าบริการตามจริงในการใช้งาน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมผู้เสียหายฟ้องร้องกสทช.และค่ายมือถือ