
"ทาสหมา-ทาสแมว" อย่าชะล่าใจ หากถูกกัด-ข่วน ระวัง "โรคเนื้อเน่า"
เผยแพร่
หลังจากมีข่าวชายที่ถูกแมวข่วนป่วยเป็นโรคเนื้อเน่า จนกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกแชร์กันอยู่ในสังคมออนไลน์ขณะนี้ ล่าสุดกรมควบคุมโรคได้ออกมาเตือนประชาชน หากถูกสุนัข-แมว กัดหรือข่วน อย่าชะล่าใจ รีบล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกด้วยสบู่หลายๆ ครั้ง จากนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน
วันนี้ (23 ม.ค. 60 ) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีมีผู้ป่วยถูกแมวกัดที่บริเวณขาขวา แต่ไม่ได้ล้างทำความสะอาด ต่อมามีอาการไข้ หนาวสั่น ขาบวม และมีบาดแผลเน่าลุกลาม เมื่อตรวจสอบพบว่า ผู้ป่วยได้ถูกแมวกัดขาขวามา 1 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล เมื่อมารับการรักษา พบรูแผลเล็กๆบริเวณเท้าขวา เมื่อตรวจเลือดพบการทำงานของไตบกพร่อง น้ำตาลในเลือดไม่สูง เกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติ แพทย์จึงได้ทำการผ่าตัด 2 ครั้งในเวลา 3 วัน เนื่องจากแผลมีการลุกลามมากขึ้น และแพทย์ได้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
จากการวินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคเนื้อเน่า หรือเรียกว่า เนคโครไทซิ่ง แฟสซิไลติส ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังและชั้นไขมันใต้ผิวหนังอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่เกิดจากแผลเล็กๆ จึงไม่ได้ให้ความสนใจทำความสะอาด เมื่อเชื้อโรคเข้าไปในแผลจะทำให้เกิดการอักเสบ ลุกลามได้ง่าย ส่วนผู้ป่วยรายนี้ ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีและไม่ได้ถูกตัดขาตามที่มีข่าวลือ แต่อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกหากมีเนื้อตายเพิ่ม หากผู้ป่วยแผลไม่มีเนื้อตาย การติดเชื้อหายแล้ว แพทย์จะทำศัลยกรรมปลูกถ่ายผิวหนังเพื่อปิดแผลต่อไป
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยไม่ได้เข้ามารับการรักษาในทันที จึงทำให้เกิดการลุกลามของบาดแผล และอาจติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจากการถูกแมวข่วนได้ ทั้งนี้ สาเหตุการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนใหญ่เกิดจากการถูกสุนัขหรือแมวกัด-ข่วน แล้วไม่ได้รับการดูแลรักษาหรือเข้ารับฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างถูกต้อง
“ขอแนะนำประชาชนว่า หากถูกสุนัขหรือแมวที่สงสัยว่าเป็นโรคกัด ข่วน เลีย น้ำลายกระเด็นเข้าทางตา ปาก หรือทางผิวหนังที่มีบาดแผล อย่าชะล่าใจ ควรรีบปฐมพยาบาล ล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกด้วยสบู่หลายๆ ครั้ง แล้วเช็ดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโพวีโดนไอโอดีน ถ้าไม่มีให้ใช้แอลกอฮอล์ 70% หรือทิงเจอร์ไอโอดีน จากนั้นไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที” อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำ
สำหรับการป้องกันโรค ขอให้เจ้าของพาสุนัขของตนเองไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เมื่อสุนัขมีอายุ 2-3 เดือนขึ้นไป และฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี รวมถึงหากพบเห็นสัตว์ที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า คือมีอาการหางตก เดินโซเซ น้ำลายย้อย ลิ้นห้อย ตาขวาง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ โดยโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ระยะฟักตัวของโรคมีตั้งแต่ 1 สัปดาห์หรืออาจนานเกิน 1 ปี โรคพิษสุนัขบ้าสามารถพบได้ตลอดทั้งปี ซึ่งโรคนี้ยังไม่มีทางรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตทุกรายหากติดเชื้อและมีการแสดงอาการแล้ว
อ่านต่อ...อุทาหรณ์ถูกแมวข่วนขา ติดเชื้อรุนแรงหวิดถูกตัดขา (คลิป)
อัปเดตข่าวเศรษฐกิจ และการลงทุน ได้ที่ @PPTVOnline