วันนี้ (1 ก.พ. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยืนยันข้อมูลจากกรมศุลกากรถึงแหล่งกำเนิดของรถเมล์ NGV ทั้ง 489 คัน ว่ามีที่มาจากประเทศจีน ซึ่งข้อมูลนี้ไม่ตรงกับบริษัทซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ผู้ขนส่งรถเมล์ให้กับบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูล ที่ระบุว่ารถเมล์มีที่มาจากประเทศมาเลเซีย
จนถึงขณะนี้ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่กรมศุลกากรยังระบุว่าต้องรอหลักฐานสำคัญจากศุลกากรของประเทศมาเลเซียก่อน เนื่องจากหลักฐานชิ้นสำคัญดังกล่าวจะสามารถระบุได้ชัดเจนว่า รถเมล์ทั้งหมดถูกส่งมาจากประเทศจีนจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นหลักฐานประเภทใด
ส่วนการนำรถออกจากท่าเรือแหลมฉบังล่าสุด ยังเหลือรถเมล์ NGV อีก 99 คันที่กรมศุลกากรยังไม่ได้รับการติดต่อจากซุปเปอร์ซาร่า ว่าจะนำรถออกมาเมื่อใด
สำหรับมติบอร์ด ขสมก. ที่ประชุมเมื่อวานนี้ ได้ระบุชัดเจนว่าจะรอผลการตรวจสอบที่มาของรถจากกรมศุลกากรอีกครั้ง ก่อนที่จะพิจารณาตรวจรับมอบรถเมล์ NGV อย่างเป็นทางการ ส่วนระยะเวลาที่ถูกยืดออกไปทำให้บริษัทคู่สัญญาอย่างบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ต้องจ่ายค่าปรับอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้เป็นเงินจำนวนกว่า 200 ล้านบาท และหากบริษัทเบสท์รินฯเข้าข่ายกระทำผิดสัญญา ก็อาจถูกปรับจนเต็มวงเงินประกัน รวมจำนวน 323 ล้านบาท
อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ถูกยกเลิกสัญญาและต้องจับตามองมากที่สุดคือ สัญญาที่ระบุว่า รถเมล์ NGV ต้องเป็นรถที่ส่งอะไหล่มาจากประเทศจีนและนำมาประกอบที่มาเลเซีย หากพบว่ารถประกอบสำเร็จมาจากจีนตามที่กรมศุลกากรระบุ ก็อาจทำให้บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ถูกยกเลิกสัญญาได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางไปมอบนโยบายแก่ผู้บริการ ขสมก. พร้อมเร่งติดตามประเด็นการส่งมอบรถเมล์ NGV อย่างใกล้ชิดต่อไป