ข้อมูลจากเว็บ paradise.docastaway.com ระบุว่า หากคุณกำลังเกาะแผ่นไม้ที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร แล้วปากของคุณแห้ง รอบๆ คุณมีแต่น้ำทะเลสีน้ำเงิน บางทีก็ดูคล้ายสีเขียวมรกต ซึ่งสีที่ปรากฏเหล่านั้นเพราะมีเศษของสาหร่ายทะเลที่ประกอบไปด้วยแพลงก์ตอน
แพลงก์ตอนไม่ต่างจากพืชทั่วไปที่อยู่ได้ด้วยการสังเคราะห์แสง ดังนั้นถ้าคุณดื่มน้ำทะเลเข้าไปเพียงไม่นานคุณอาจจะไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไป เนื่องจากไตจะทำหน้าที่แยกของเสียที่จะลำเลียงไปในเส้นเลือด โดยของเสียนี้จะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะพร้อมรอการขับออกจากร่างกาย
ทว่าไตไม่สามารถสร้างปัสสาวะจากความเข้มข้นของความเค็มที่มากกว่า 2% ในขณะที่น้ำทะเลมีมีความเค็มประมาณ 3% ดังนั้นหากเราดื่มน้ำทะเลเพื่อดับกระหาย ไตของเราจะใช้น้ำที่อยู่ในร่างกายในการทำให้ความเค็มของเกลือเจือจางลง ส่งผลให้เรารู้สึกกระหายน้ำมากขึ้น ขณะเดียวกันร่างกายต้องขับของเหลวออกไปมากกว่าปริมาณที่เราดื่มเข้าไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม่การดื่มน้ำทะเลถึงส่งผลเสียต่อร่างกาย
สำหรับน้ำทะเลมีความเค็มหรือเกลือประมาณ 3 % หมายความว่าถ้าเราดื่มน้ำทะเลเข้าไป 1 ลิตร ไตของเขาจะต้องมีน้ำจืดอย่างน้อย 1.5% เพื่อใช้สำหรับการเจือจางความเค็ม
วิธีการเอาตัวรอดเมื่อดื่มน้ำทะเลเข้าไป
ในปี 1952 คุณหมอ Alain Bombard ได้ทำการทดลองที่มีชื่อว่า Voluntary Castaway ซึ่งเป็นการตั้งใจไปลอยน้ำทะเลเป็นเวลา 65 วัน อยู่บนเรือที่ไม่มีอุปกรณ์เอาตัวรอดใดๆ
เขาแสดงให้เห็นว่าคุณอาจดื่มน้ำทะเลเพียงเล็กน้อยเพื่อดับกระหายได้ แต่เมื่อมีฝนตกให้คุณค่อยๆ ดื่มน้ำฝนอย่างช้าๆ เพราะมันจะช่วยลดความเค็มที่คุณกลืนลงไปได้
ทั้งนี้ น้ำทะเลมีปริมาณ 97.3% ของน้ำทั้งหมดบนโลกนี้ ในขณะที่น้ำจืดมีเพียง 2.7% เท่านั้น