วันนี้ (22 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เดินทางไปเข้าพบหารือกับ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 20 -22 มิ.ย. 2561โดย พลเอกประยุทธ์ ยืนยันกับนางเทเรซา เมย์ ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในต้นปี 2562 อย่างแน่นอน ขณะที่ล่าสุดนิตยสารชื่อดังของโลก ไทม์ (Time) เตรียมนำรูป พลเอกประยุทธ์ ขึ้นปกนิตยสาร ฉบับวันที่ 2 ก.ค. 2561 พร้อมระบุข้อความว่า “ประชาธิปไตย เผด็จการ ทางไหนที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือก?” (Democrat. Dictator. Which path will Thailand’s Prayuth Chan-O-Cha choose?)
นิตยสาร “ไทม์” สัมภาษณ์พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐบาลทหารซึ่งอยู่ในอำนาจมานานกว่า 4 ปี โดยจะตีพิมพ์ลงในหนังสือฉบับประจำวันที่ 2 กรกฏาคมนี้ ซึ่งเนื้อหาด้านในเป็นคำสัมภาษณ์ของนักข่าว เกี่ยวกับอนาคตของประเทศว่าจะเดินไปในทิศทางใด
คำถามแรกที่ “ไทม์” ถามก็คือ ความเชื่อมั่นในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะทำให้ชาติมีความมั่นคงขึ้นหรือไม่ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ตอบว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ ผ่านความเห็นชอบของประชาชนด้วยการลงประชามติ ถือว่ามีความชอบธรรม
ต่อคำถามที่ว่า เสียใจหรือไม่ที่ก่อการรัฐประหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยก็ตอบว่า เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต โดยใช้เวลาในการตัดสินใจนานถึง 6 เดือน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามีการวางแผนก่อรัฐประหารไว้ล่วงหน้า แต่เป็นการคิดก่อนตัดสินใจ เพราะเห็นว่าบ้านเมืองแตกแยกมาถึงจุดที่ต้องอะไรสักอย่าง
ต่อคำถามที่ว่า ประชาธิปไตยของไทยในอนาคต จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร พลเอกประยุทธ์ ตอบว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐธรรมนูญซึ่งไทยเพิ่งได้ฉบับใหม่มา และเป็นฉบับที่เหมาะกับคนไทยที่สุด ที่ทุกอย่างยังคงอยู่ในกรอบของกฎหมาย
ในส่วนของการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ คนไทยควรจะได้สิทธินี้หรือไม่ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ตอบว่า รัฐบาลชุดนี้ให้สิทธิกับกลุ่มต่างๆ ได้แสดงออก ภายใต้กฏหมายอยู่แล้ว ถ้าเป็นการชุมนุมที่เกินขอบเขต รัฐบาลต้องห้ามปราม แต่จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลใช้ความประนีประนอมต่อกลุ่มผู้ชุมนุมมาโดยตลอด เพราะเรามองว่าคนพวกนี้ยังเป็นเด็ก
จากเรื่องของการเมือง “ไทม์” ได้ถามนายกรัฐมนตรีถึงเศรษฐกิจของไทย และความสำคัญของจีน ที่มีต่อประเทศไทย โดยพลเอกประยุทธ์ได้ตอบว่า จีนคือหุ้นส่วนอันดับหนึ่งของไทย ส่วนสหรัฐมาเป็นที่สอง ไทยเป็นประเทศเล็กๆ จึงจำเป็นต้องวางสมดุลทั้งในด้านการเมืองและกิจการด้านการต่างประเทศ กับประเทศต่างๆ ให้เท่าๆ กัน
ไทม์ยังถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีนึกถึงการเกษียณอายุหลังมีการเลือกตั้งในปีหน้าหรือไม่ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่สามารถตอบได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของประชาชน
ท้ายสุดทาง “ไทม์” ได้ถามว่า นายกรัฐมนตรีจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้หรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็บอกว่า ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน แต่ขณะนี้ยังคงมีคนบางกลุ่มที่พยายามก่อกวนให้สังคมเกิดความวุ่นวาย ซึ่งตนเองเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก และได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคง