เมื่อวันที่ (7 ก.ย. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพบผู้ป่วยสูญเสียดวงตาข้างขวา จากการติดเชื้อรุนแรง โดยมีสาเหตุมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อรักษาต้อกระจกนั้น นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุว่า ตอนนี้ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์หาตัวยาและสเตียรอยด์ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบการปลอมปนยาหรือสารอันตราย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบการแสดงคุณภาพ สรรพคุณ คุณประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ทำให้เข้าใจว่ามีผลในการรักษา บำบัด บรรเทา รักษาโรค จะมีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพิจารณาเพิกถอนเลขสารบบอาหารต่อไป และขอย้ำว่าผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริม หมายความว่าไม่มีสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆ เลย ผลิตภัณฑ์ที่สามารถรักษาโรคได้ต้องขึ้นทะเบียนเป็นยา
ด้านแพทย์หญิง ขวัญหทัย รัตนาเอนกชัย หัวหน้ากลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่าผู้เสียหาย คือ นางคำแงง เดินทางมารักษาด้วยอาการแสบตา เคืองตามานานประมาณ 1 เดือน หมอตรวจพบภาวะกระจกตาขุ่นขาว อักเสบ คาดว่าติดเชื้อที่กระจกตารุนแรง จึงให้นอนพักที่โรงพยาบาลและหยอดยาฆ่าเชื้อ กระทั่งวันต่อมาพบว่ากระจกตาที่อักเสบนั้นเกิดการทะลุ จึงรีบผ่าตัดด่วน เพื่อไม่ให้เชื้อลุกลามไปที่สมองและตาอีกข้าง ซึ่งอาการอักเสบและติดเชื้อนั้น มีสาเหตุอยู่ 2 ปัจจัยคือ เชื้อรา และ เชื้อแบคทีเรีย อาการของนางคำแงง เกิดจากลักษณะติดเชื้อแบคทีเรีย แต่อาการหนักมากแล้วหากปล่อยไว้มีโอกาสเสี่ยงต่อชีวิต
อยากจะฝากเตือนประชาชนว่า สำหรับหยอดตาหากเปิดมาแล้ว 1 เดือน ควรทิ้งทันทีไม่ควรนำมาใช้ใหม่ แต่ที่สำคัญที่สุดคืออ่านเอกสารกำกับยาให้ละเอียด อย่าหลงเชื่อคำพูดปากต่อปาก
ในส่วนของคดีความนั้น พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ฉุยฉาย ผกก.สภ.เวฬุวัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกพนักงานขายมาสอบปากคำแล้ว ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาต้องรอผลตรวจพิสูจน์ก่อน ส่วนเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ต้องให้ความเป็นธรรม เนื่องจากผลิตอย่างถูกต้อง มีเลขที่ อย.กำกับชัดเจน แต่การกระทำที่เป็นสาเหตุให้ตาบอดคือพนักงานขายที่แนะนำลูกค้าใช้ในทางที่ผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป