นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุถึง 3 โครงการย่อยที่จะนำมาช่วยเหลือเกษตรรายย่อย คือ โครงการปลดเปลื้องหนี้สินให้เกษตรกรที่ไม่มีศักยภาพ เช่น เสียชีวิต ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีอยู่ 28,000 ราย วงเงินหนี้สินประมาณ 4,000 ล้านบาท
กลุ่มที่ 2 คือ เกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพต่ำหรือยังสามารถประกอบอาชีพ แต่มีปัญหาในการชำระหนี้จากเหตุสุจริตจำเป็น มีอยู่ 340,000 ราย วงเงินหนี้สิน 48,000 ล้านบาท จะปรับโครงสร้างหนี้โดยให้ชำระต้นเงินได้นานไม่เกิน 10 ปี คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราปกติ ส่วนดอกเบี้ยก่อนปรับโครงสร้างหนี้ให้พักไว้ พร้อมกันนี้จะฟื้นฟูการประกอบอาชีพผ่านศูนย์เรียนรู้ชุมชนและสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมตามแผนฟื้นฟู วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท
และกลุ่มสุดท้าย คือ โครงการขยายระยะเวลาชำระหนี้ ให้เกษตรกรที่มีศักยภาพประกอบอาชีพ แต่ถูกกระทบจากการงดทำนาปรังและราคายางพาราตกต่ำ ที่มี 450,000 ราย วงเงินหนี้สิน 64,000 ล้านบาท ธ.ก.ส.จะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามศักยภาพของลูกค้าพร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อปลูกพืชอื่นทดแทนหรือประกอบอาชีพการเกษตรอื่นๆ หรืออาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท
ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานปีบัญชี 2558 ธ.ก.ส.จะขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น 76,700 ล้านบาท ส่วนการรับฝากเงินเพิ่มขึ้น 65,000 ล้านบาท พร้อมทั้งควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ให้เกินร้อยละ 3.5 ขณะที่ผลการดำเนินงานปีบัญชี 2557 มีกำไรสุทธิ 10,000 ล้านบาท