ผู้เสียหาย แฉ เจ้าของอู่นำรถซ่อมไปชนเรียกเงินเคลมประกัน
แฉพฤติกรรม เจ้าของอู่ หลอกทำประกัน เอารถไปชนเคลมประกัน
วันนี้ 17 ธ.ค. 2563 น.ส.กัญณัฏฐ์ เเสงไกรชัยกิจ ผู้เสียหาย พร้อมนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความมาร่วมรายการ “เป็นเรื่องเป็นข่าว” และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
น.ส.กัญณัฏฐ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางไปยื่นให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน โดยมีหัวหน้าพนักงานสอบสวนลงมาดำเนินการให้ และสาเหตุที่ไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากตำรวจมีความเข้าใจผิดรายละเอียดบางอย่าง จึงทำให้คดีไม่สามารถดำเนินการได้
ก่อนหน้านั้น ทางตำรวจบอกว่าจะต้องไปแจ้งความตามสถานที่เกิดเหตุ ในที่ต่างๆที่อู่เอารถไปเชี่ยวชนจำนวน 6 ครั้ง เช่น พุทธมณฑล สาย 3 สมุทรสาคร นครปฐม และ บางแค ตนเองก็ไปแจ้งความมาแล้ว 1 พื้นที่ แต่ทางพนักงานสอบสวนแจ้งว่า ในช่วงวัน เวลาเกิดเหตุไม่มีการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน จึงไม่มีหลักฐานว่าเกิดอุบัติเหตุในท้องที่ดังกล่าว
ด้าน ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ได้พูดคุยกับผู้กำกับ ซึ่งจากเดิมมีความเห็นว่าตำรวจอาจไม่มีอำนาจสอบสวน ตนเองก็ได้ชี้แจงกับผู้กำกับว่ามีกฎหมายของข้อหนึ่งถ้าไม่แน่ใจตว่าการกระทำความผิดเกิดในท้องที่ใดสถานนีตำรวจที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวน คดีนี้อู่ที่กระทำผิดอยู่ในม้องที่ของสน.บางเขนที่มีอำนาจสอบสวน โดยผู้กำกับบอกว่าจะรับเรื่องไว้สอบสวน
ส่วนที่ตำรวจให้ผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความ 6 จุดนั้น ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ง่ายมาก เมื่อสน.บางเขน บอกว่าไม่มีอำนาจสอบสวนก็ส่งเรื่องไปให้สน.ที่มีอำนาจสอบสวน ทำไมถึงต้องโยนภาระให้กับประชาชน
คปภ.จ่อเรียก 3 บริษัทประกันรถ สอบปมอู่จัดฉากเฉี่ยวชน
นอกจากนี้ น.ส.กัญณัฏฐ์ ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนเอารถไปซ่อมที่อู่ดังกล่าวถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก ที่ไปรับรถตนไม่ทราบว่าทางอู่เอารถไปชน เมื่อได้ไปตรวจสอบสภาพรถพบว่ามีรอยบุบ สีก็ทำไม่ดี ก็เลยเอ๊ะใจ แต่ก็เอารถกลับเข้าไปซ่อมที่อู่อีกครั้ง เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ในวันที่ 16 มิ.ย. ทางอู่แจ้งว่าล้อแม็กมีรอยเสียหายเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุภายในอู่จะต้องเคลมประกัน โดยต้องนำสมุดบัญชีและเอทีเอ็มมาให้ทางอู่เพราะเวลาประกันจะจ่ายเงินไม่ได้จ่ายมาให้อู่ แต่จะจ่ายผ่านชื่อเจ้าของรถ ตอนนั้นก็รู้สึกเอ๊ะใจเช่นกัน แต่เขาบอกว่าไม่นำบัญชีธนาคารมาก็จะไม่ซ่อมให้ ตนจึงต้องยอมให้สมุดบัญชีพร้อมเอทีเอ็มกับเจ้าของอู่
จากนั้น ตนเองก็โทรศัพท์ไปสอบถามกับทางอู่ แต่เขาไม่รับสาย สุดท้ายรู้สึกว่าไม่ไหว จึงเดินทางไปที่อู่และเจอรถอยู่ในสภาพเหมือนเดิม ทางอู่บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการให้อีกรอบ แต่ตนเองรู้สึกว่า เอารถไปซ่อมเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. จนมาถึงวันที่ 29 ส.ค. ตนรู้ไม่ไหวแล้วนานเกินไปแล้วและก็ไม่มีรถไว้ใช้งาน จึงขอเอารถออกมาก่อน แต่เมื่อเอารถออกมารู้สึกว่าล้อมีปัญหาพวงมาลัยเอียง และ ยางทั้ง 4 ล้อถูกสลับเปลี่ยนจากยางใหม่เป็นยางเก่า พร้อมทั้งเอาแบตเก่ามาสลับเปลี่ยน ปลายท่อแต่งก็ถูกตัดออกไป ตอนเปิดปิดประตู กลับพบว่าประตูรถตก จึงสงสัยว่าแค่เอารถไปทำสีทำไมประตูรถถึงตกต้องมีการชน หรือ เกิดอุบัติเหตุแน่นอน
จากนั้นได้โทรไปสอบถามที่บริษัทประกันว่ารถมีการชน และ เคลมอะไรบ้าง ทางบริษัทประกัน แจ้งว่า ชนครั้งไหนเพราะมีการชนทั้งหมด 6 ครั้ง ซึ่งตนบอกว่าไม่ได้เป็นคนขับชน และเมื่อเจ้าของไม่ได้เป็นคนแจ้งให้เคลมประกันสามารถทำได้หรือไม่ ทางบริษัทประกันแจ้งว่า ในตรงนี้ใครก็สามารถแจ้งได้ และ อู่ที่ไปซ่อมนั้นไม่ได้อยู่ในเครือของบริษัทประกัน
เมื่อถามว่าในการทำสัญญาประกันใครจะแจ้งเคลมได้ ทนายความ กล่าวว่า ไม่ได้ต้องเป็นเจ้าของรถ จึงทำให้สงสัยว่ามีการปลอมลายเซ็นหรือไม่
ด้านผู้เสียหาย กล่าวเสริมว่า ส่วนตัวก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน ตนเอารถไปซ่อมวันที่ 12 มิ.ย. ในวันที่ 13 มิ.ย.มีการเกิดอุบัติเหตุ วันที่ 14 มิ.ย. ก็มีการชนอีก 1 ครั้ง วันที่ 20 มิ.ย. ก็มีการชนอีก 1 ครั้ง วันที่ 1 ก.ค. ก็ชนอีกครั้ง วันที่ 2 ก.ค.ก็มีการชนอีกครั้ง และ วันที่ 9 ก.ค. ก็มีการชนอีกครั้งจึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีการปลอมลายเซ็น
ทนายความ บอกอีกว่า มีผู้เสียหายในลักษณะดังกล่าวอีกหลาย นอกจากนี้มีการร้องเรียนมาว่า มีการหลอกขายใบเคลมประกันด้วย
เมื่อถามว่าถ้าคดีนี้ไม่มีความคืบหน้าจะดำเนินการอย่างไรทนายความ กล่าวว่า ก็จะต้องเดินหน้าร้องเรียนต่อ ว่าเป้นเพราะอะไร เบื้องต้นทางตำรวจบอกว่า อาจจะมีการออกหมายเรียกเจ้าของอู่มาสอบสวนก่อน
ขณะที่ ผู้เสียหาย เรียกร้องให้ตำรวจเร่งดำเนินการกับเจ้าของอู่ซ่อมรถ และยังสืบทราบว่าอู่ซ่อมรถดังกล่าวยังเปิดให้บริการอยู่ เกรงว่าจะเป็นภัยต่อสังคม