ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องมี “กฎหมายอวกาศ” แล้วหรือยัง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จากกรณีที่มีการเก็บกู้ถังเชื้อเพลิงของจรวดที่ถูกนำส่งขึ้นสู่อวกาศ โดยค้นพบที่บริเวณเกาะแอล จังหวัดภูเก็ต จนภารกิจสำเร็จลุล่วงไปแล้วเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา นั้น

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ จิสด้า ระบุว่า เรื่องดังกล่าว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีความเกี่ยวข้องกับ “กฎหมายอวกาศ” ถึงแม้วัตถุอวกาศที่ตกมาสู่พื้นโลกจะไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน แต่กฎหมายอวกาศหรือข้อตกลงทางด้านอวกาศได้มีการกล่าวถึงรายละเอียดของการชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากจรวด หรือดาวเทียม หรือสถานีอวกาศ ซึ่งประเทศที่เป็นเจ้าของวัตถุนั้น จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้น

เก็บกู้ชิ้นส่วนจรวด ตกในทะเลภูเก็ต

ชิ้นส่วนจรวดจีน “ลองมาร์ช 5บี” ตกในมหาสมุทรอินเดีย หลังไร้การควบคุม

ซึ่งในสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านอวกาศของสหประชาชาติ มีอยู่ 5 ฉบับ ประกอบด้วย

1.สนธิสัญญาว่าด้วยหลักเกณฑ์การดำเนินกิจการของรัฐในการสำรวจและการใช้อวกาศภายนอก รวมทั้งดวงจันทร์ และเคหะในท้องฟ้าอื่น ๆ ค.ศ. 1967

2.ความตกลงว่าด้วยการช่วยชีวิตนักอวกาศ การส่งคืนนักอวกาศ และการคืนวัตถุที่ส่งออกไปในอวกาศภายนอก ค.ศ. 1968 

3.อนุสัญญาว่าด้วยความรับผิด ระหว่างประเทศสำหรับความเสียหายที่เกิดจากวัตถุอวกาศ ค.ศ.1972 

4.อนุสัญญาว่าด้วย การจดทะเบียนวัตถุอวกาศ ค.ศ.1975

และฉบับสุดท้ายฉบับที่ 5 ความตกลงว่าด้วยกิจกรรมของรัฐบนดวงจันทร์และเทหะในท้องฟ้าอื่น ค.ศ. 1979

โดยมีสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Office for Outer Space Affairs – UNOOSA เป็นผู้ดูแลการดำเนินกิจการอวกาศของประชาคมโลก

ดร.ปกรณ์ ระบุว่า สำหรับประเทศไทย เรื่องนี้เคยมีการพูดถึงหลายครั้ง โดยเฉพาะกฎหมายอวกาศกับเหตุการณ์แบบนี้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเราอยู่บ่อย ๆ และเราเป็นภาคีใน 2 ฉบับข้างต้น ดังนั้น ชัดเจนว่าประเทศไทยมีความรับผิดชอบในการดำเนินกิจกรรมอวกาศ และเมื่อมีชิ้นส่วนจากอวกาศไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามตกในประเทศไทย เราต้องส่งคืนชิ้นส่วนจากอวกาศนั้นให้แก่ประเทศผู้เป็นเจ้าของวัตถุอวกาศทันทีหากมีการร้องขอจากประเทศผู้เป็นเจ้าของวัตถุอวกาศชิ้นนั้น

 

" การพบถังเชื้อเพลิงของจรวดตกกลางทะเลภูเก็ต ตอนนี้เรายังไม่สามารถชี้ชัดว่าใครเป็นเจ้าของและไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเสียหาย จากวัตถุอวกาศนี้  จึงน่าจะยากที่จะหาคนมารับผิดชอบ " 

แต่ความเสียหายในเรื่องนี้  จิสด้า มีความเห็นว่า ประเทศไทยควรเร่งเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความรับผิด ระหว่างประเทศสำหรับความเสียหายที่เกิดจากวัตถุอวกาศ ค.ศ.1972 และ อนุสัญญาว่าด้วยความรับจากวัตถุอวกาศ ค.ศ.1975 อย่างเร่งด่วน

เพราะจะคุ้มครองประชาชนชาวไทยได้ดีกว่าการปรับใช้สนธิสัญญาอวกาศ ค.ศ. 1967 และความตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือและส่งกลับฯ ค.ศ. 1968 เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินกิจกรรมอวกาศมีมากขึ้นความเสี่ยงภัยที่คนไทยจะได้รับยิ่งก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามมา

ซึ่งความคืบหน้าส่วนนี้ คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ และคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เห็นชอบ ใน (ร่าง) พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... แล้ว เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 และขณะนี้ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. ได้นำร่าง พรบ.ฉบับดังกล่าว เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว

โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกำกับให้การดำเนินกิจการอวกาศในประเทศไทยเป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ และเป็นไปด้วยความเหมาะสมสอดคล้องกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ  ภาควิชาการ และภาคเอกชนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศเพิ่มมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ ถือเป็นกรณีที่บุคคลทั่วไปหรือประชาชน เป็นผู้พบวัตถุอวกาศตกในอาณาเขตประเทศไทย ดังนั้น จึงต้องแจ้งต่อพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องที่ให้ทราบโดยเร็ว ซึ่งต้องขอขอบคุณและชมเชยประชาชนเหล่านั้นที่ได้ดำเนินการตามหลักการดังกล่าว ต่อจากนี้ จิสด้า ในฐานะหน่วยงานหลักของรัฐในด้านกิจการอวกาศ ก็จะเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ ต่อไป

ขณะนี้ในอวกาศมีวัตถุอวกาศ เช่น ดาวเทียม หรือสถานีอวกาศมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมแล้วเป็นแสนๆชิ้น ซึ่งเราอาจจะได้รับผลกระทบหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจากการตกสู่พื้นโลกของวัตถุอวกาศได

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ