ชิ้นส่วนวัตถุ ที่ครอบครัวเชื่อว่าเป็นกระดูก ขนาดความกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร มีชุดตัวเลขประทับอยู่ ซึ่งมีภาษาอังกฤษปนอยู่ด้วย เมื่อเทียบกับกระดูกชิ้นอื่นของผู้เสียชีวิตพบว่ามีสีและลักษณะคล้ายกัน ทำให้ครอบครัวเชื่อว่าน่าจะเป็นกระดูกส่วนกะโหลกของลูกชาย จึงนำไปโพสต์ลงบนโซเชียลจนมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และเสนอให้ส่งตรวจสอบ เพื่อไขปริศนาตัวเลขที่ว่านี้
จีนอพยพชาวบ้าน 150,000 คน เปิดทาง "โขลงช้างป่า" กลับถิ่น
“สมาคมศูนย์การค้าไทย” เสนอรัฐผ่อนปรนเปิด ธนาคาร-สื่อสาร-ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า
ครอบครัวจึงส่งชิ้นส่วนให้รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือ อ.อ๊อด ไปตรวจสอบวันนี้
นายสมใจ พรแสน บิดาผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อ1 ส.ค. 2564 ซึ่งในวันเก็บกระดูก 6 ส.ค. พระที่ทำหน้าที่เผาศพ เรียกไปสอบถามว่า ผู้ตายเคยผ่าตัด มาหรือไม่ ซึ่งก็ยืนยันว่า ไม่เคยผ่าตัดและไม่ได้ใส่เครื่องประดับ
จากนั้นพระได้นำวัตถุ ที่มีตัวเลขยื่นให้ดู และทำพิธีบังสกุลให้ก่อนนำกระดูกบางส่วนไปลอยอังคาร ยอมรับว่า สงสัยว่าชิ้นส่วนนี้ใช่กระดูกหรือไม่ เพราะมีตัวเลขและตัวอักษร คือ 02-04, P024U-11, 1 16L-1
ที่ไปสัมพันธ์ทั้งวันเกิดและวันตายขอลูกชาย คือ 24 ธ.ค. พ.ศ. 2538 คือวันเกิด และวันที่ 1 ส.ค. 2564 คือวันเสียชีวิต
ส่วนอักษรภาษาอังกฤษด้านหน้าตัว P ที่หักไปคาดว่าเป็นตัว S ซึ่งเป็นชื่อย่อน้องคือ "สฐาพร" ส่วนตัว P เป็นนามสกุล "พรแสง"
ทีมข่าวย้อนกลับไปดูที่วัดพุทธสยามสีกัน ดอนเมือง พบกับพระองอาจ อติธรรมโม พระลูกวัด ที่ทำหน้าที่เผาศพเล่าว่า พบชิ้นส่วนที่มีตัวเลขระหว่างแยกกระดูกกับขี้เถ้า ส่วนตัวมองว่าหากเป็นกระดูกเชื่อว่า จะเป็นส่วนหน้าอก หากไม่ใช่ก็ไม่ทราบว่าจะมาจากอะไร แต่ไม่ต้องการให้มองว่าเป็นเรื่องอภินิหารมหัศจรรย์ อยากให้มองในมุมของวิทยาศาสตร์
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีของแปลกปลอมเข้าไปก่อนหน้านั้น พระองอาจระบุว่า ก่อนจะมีการเผาศพ ค่อนข้างมั่นใจว่า ในเตาเผาไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆ เพราะต้องทำความสะอาดเตาทุกครั้ง และใช้ความร้อนที่ 800 องศาฯขึ้นไปในการเผาศพทำให้หลายอย่างถูกเผาไหม้จนเป็นขี้เถ้ายอมรับว่าเพิ่งเคยเจอ เคสนี้เป็นเคสแรก
ด้านอาจารย์อ๊อด ระบุว่า โอกาสที่จะเป็นกระดูกค่อนข้างน้อยมาก เพราะรอยประทับคม และลึก ยากที่จะประทับลงบนกระดูกมนุษย์ ก่อนเปิดภาพเตาเผาศพทั่วๆไปให้ทีมข่าวดู ซึ่งพบว่า สอดคล้องกับภาพเตาเผาที่ทีมข่าวไปถ่ายมาจากวัดที่เผาศพ ซึ่งภายในวัสดุฉนวนกันความร้อนจะมีซีเรียลนัมเบอร์ เพราะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับภาพเตาของวัด แต่จะไม่เห็นตัวเลขเพราะใช้มากว่า 40 ปี แล้ว
สำหรับแนวทางตรวจสอบชิ้นส่วนปริศนามี 2 แนวทาง แนวทางแรกคือตรวจว่า วัตถุชิ้นนี้คือกระดูกมนุษย์หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็จบ แต่หากเป็นกระดูกมนุษย์ ก็จะตรวจสอบว่า รอยปั๊มที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นหลังหรือก่อน โดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดและอุปกรณ์วิเคราะห์ธาตุ (Scanning electron microscope) แบบ XRD โดยใช้เวลาตรวจเพียงครึ่งวันเท่านั้น แต่เวลานี้ห้องแลปยังปิดอยู่เนื่องจากโควิด-19