เจ้าหน้าที่ พบว่าเรือลำดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่า ตัวเรือมีสภาพเอียง มีรอบรั่วบริเวณตัวเรือ และมีน้ำไหลเข้าตัวเรือ แต่ไม่พบผู้ใดอยู่บนเรือลำดังกล่าว ไม่มีเอกสารบ่งชี้ได้ว่าเป็นเรือสัญชาติใด แต่ภายในมีป้ายที่มีตัวอักษรเป็นภาษาจีนติดเอาไว้ เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำออกจากตัวเรือ เพื่อจะทำการลากเรือลำดังกล่าวกลับเข้าฝั่งมาตรวจสอบ
เรือประมงเวียดนามรุกล้ำน่านน้ำไทย เหิมเกริมพุ่งชนเรือทหาร ขณะจับกุม
ขยายเวลาลงทะเบียนบูสเตอร์โดส เข็ม3 ถึงวันที่ 11 ม.ค.นี้
ต่อมาพลเรือตรีสุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 เปิดเผยว่า เรือปริศนาลำดังกล่าวได้จมลงใต้ทะเลแล้ว เมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเรือลำดังกล่าวมีรอยรั่วหลายจุด
แม้ทางเจ้าหน้าที่ทัพเรือภาค 2 จะพยายาลสูบน้ำออกจากตัวเรือ เพื่อทำการเคลื่นย้ายเรือเข้าฝั่ง แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวก เนื่องจากสภาพคลื่นลมในทะเลที่มีกำลังแรง ทำให้เรือหลวงตาปี ไม่สามารถนำเรือเข้าเทียบเรือลำดังกล่าวได้ โดยจุดที่เรือจมลงอยู่ห่างจากฝั่ง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 28 ไมล์ทะเล และมีคราบน้ำมัน เจือจาง ไม่มีความแน่นของคราบน้ำมันมากนัก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นน้ำมันที่อยู่ในห้องเครื่อง ผสมกับน้ำมันหล่อลื่น ที่ไหลออกมาจากตัวเรือ
ทางทัพเรือภาคที่ 2 ได้เร่งนำเรือทั้งในส่วนของทัพเรือภาคที่ 2 และประสานไปยังเจ้าท่านครศรีธรรมราช ร่วมทั้งเรือของภาคเอกชน สกัดคราบน้ำมันที่ไหลออกมาจากตัวเรือปริศนาลำนี้
นอกจากนั้น จะประสานงานไปยังบริษัทขุดเจาะน้ำมัน ในการนำทุ่นมาวางลอบจุดที่เรือจม เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันไหลไปตามกระแสน้ำ และอาจไปกระทบเกาะมัดสุม และ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าสภาพตัวเรือที่พบเป็นเรือสินค้าที่คาดว่าได้มีการปลดระวางแล้ว เนื่องจากเรือมีสภาพเก่ามาก และไม่มีอุปกรณ์เดินเรือใดๆ รวมถึงไม่มีสมอเรือด้วย