สภาพน้ำทะเล ในจุดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่ว อยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร
จากภาพที่เจ้าหน้าที่ลงไปตักน้ำทะเลจะเห็นชัดเจนว่า มองด้วยตาเปล่า ก็เห็นว่าน้ำมันดิบ สีดำลอยเอ่ออยู่เหนือน้ำ และ จากภาพมุมสูง ก็จะเห็นว่าพื้นที่ได้รับผลกระทบลอยกระจายเป็นวงกว้าง ตามข้อมูลของบริษัทเอกชน ตอนแรกแจ้งข้อมูลให้กรมควบคุมมลพิษ รับทราบตอน 00.15 น. ระบุว่า มีน้ำมันดิบรั่วไหลลงในทะเล 400,000 ลิตร
GISTDA เผย ภาพดาวเทียม พบคราบน้ำมันคิดเป็น 2 เท่าของเกาะเสม็ด
กองทัพเรือ ส่งอากาศยาน-เรือ สำรวจน้ำมันดิบรั่วไหล นิคมฯมาบตาพุด
แต่ต่อมามีการแก้ไขข้อมูล ตอน 15.00น. ระบุว่า แจ้งข้อมูลผิดพลาด จริงๆ น้ำมันดิบที่รั่วไหลออกมา มี 160,000 ลิตร
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งว่า แม้น้ำมันจะรั่วออกมาหลักแสนลิตร แต่จากการตรวจสอบได้รับรายงานว่า ที่ผิวน้ำมีคราบน้ำมันรวมกัน ประมาณ 20,000 ลิตร ส่วนทิศทางการไหลของกระแสน้ำทะเลวางใจได้ว่าคราบน้ำมัน ไม่น่าจะพัดเข้าชายฝั่ง
นายวราวุธ ย้ำว่า ตอนนี้สั่งการให้ ศึกษารายละเอียดกฎหมายว่าจะเอาผิดกับบริษัทเอนได้มากน้อยแค่ไหน แต่เบทื้องต้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด บริษัทจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ยืนยันว่าษดำเนินการตามกฏหมายอย่างแน่นอน
ประเด็นนี้สอดคล้องกับ นายสมนึก จงมีวศิน นักวิชาการอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ที่ตั้งคำถามว่า ทำไมบริษัทถึงปล่อยให้น้ำมันรั่วไหลมากขนาดนี้ มีการตรวจสอบอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน หรือ มีระบบป้องกัน ในกรณีฉุกเฉินหรือไม่
ทีมข่าวสอบถามเรื่องนี้กับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประเมินว่า ครั้งนี้ สถานการณ์จะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา
พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังว่าอาจได้รับผลกระทบ คือ พื้นที่ตลอดแนวหาดแม่รำพึงไปจนถึงเกาะเสม็ด โดยคาดว่า ประมาณ 2 วันนี้ อาจจะมีคราบน้ำมันพัดเขาฝั่ง ตามที่กรมควบคุมมลพิษคาดการณ์
สำหรับวิธีการกำจัดน้ำมันดิบน้ำ อ.ธรณ์ บอกว่า ตามสากล มีอยู่ 2 วิธี คือ ใช้บูม หรือ ทุ่นดักน้ำมัน กับวิธีที่ 2 คือการใช้สารเคมี วิธีนี้คือการโปรยสารเคมีลงบนผิวน้ำมัน เพื่อทำให้น้ำมันแตกตัวเป็นส่วนเล็กๆ และจมลงสู่พื้น โดยน้ำมันที่แตกตัวจะสามารถย่อยสลายได้ ซึ่งวิธีนี้ เป็นวิธีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเลือกใช้
อ.ธรณ์ เตือนว่า การใช้สารเคมี มีข้อจำกัด คือ ต้องทำในจุดที่น้ำทะเลลึก ลึก เพราะ หากน้ำมันจมลงพื้นทะเลก่อนที่จะแตกตัว จะเป็นปัญหาต่อการย่อยสลายและอาจจะกระทบการทำประมงพื้นบ้านได้
อ.ธรณ์ ประเมินว่า ปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล ไม่น่าจะกำจัดได้หมด เชื่อว่าท้ายที่สุด จะมีคราบน้ำมันบางส่วนพัดขึ้นฝั่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อาจทำให้น้ำมันไปเกาะบนผิวทราย หรือ จับตัวเป็นก้อน