กสม.จี้ยกเลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉ. 27” ชี้จำกัดเสรีภาพสื่อ-ละเมิดสิทธิมนุษยชน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กสม.จี้ยกเลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉ. 27 ข้อ11” ชี้จำกัดเสรีภาพสื่อ-ปชช.ในการแสดงออกและการนำเสนอข่าวสาร ยกคำสั่งศาลแพ่งเคยตัดสินไว้แล้ว เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 13/2565 กล่าวว่า ตามที่ กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้แทน 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ได้แก่ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เมื่อสิงหาคม 2564

ไม่รอด! “เอ๋-ปารีณา” คดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน งดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต

สงกรานต์2565 วิ่งฟรีมอเตอร์เวย์ 7 วัน เริ่ม 11 เม.ย.

 

ขอให้ตรวจสอบกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศใช้ ข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 10 ก.ค. 2564 ข้อ 11 และ ข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 29 ก.ค. 2564 ระบุมาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทําให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19) และการเสนอข่าวที่อาจทำให้ ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทําให้เกิดความเข้าใจผิดจนกระทบต่อ ความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

โดยผู้ร้องเห็นว่าการกระทําดังกล่าวของ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ถูกร้องเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของ ประชาชนและสื่อมวลชน จึงขอให้ตรวจสอบนั้น

ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 13/2565 เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง บทบัญญัติของกฎหมาย และ หลักสิทธิมนุษยชนแล้ว เห็นว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น รวมทั้งเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็น ตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพของสื่อมวลชน ได้รับความคุ้มครองและรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 34 และ 35 สอดคล้องกับเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งได้รับรอง ไว้ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 19 และแม้เสรีภาพในการแสดงออก อาจถูกจํากัดได้ตามกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน 

แต่การจํากัดเสรีภาพดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับหลักความจําเป็นและความได้สัดส่วน กล่าวคือ มาตรการ จํากัดเสรีภาพดังกล่าวจะต้องเป็นมาตรการที่เบาที่สุดเท่าที่จะทําให้บรรลุเป้าหมายได้ ทั้งจะต้องมี ความสมเหตุสมผลกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ และหลักความได้สัดส่วนจะต้องปรากฏในกฎหมายและ ได้รับการบังคับใช้จากทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตุลาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจํากัดการแสดงออกที่เป็น การวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นสาธารณะ (public debate) นักการเมืองและผู้นําสังคม

กสม. เห็นว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและออกข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 27 ข้อ 11 เพื่อแก้ไข สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีลักษณะเป็นการจํากัดเสรีภาพในการแสดงออก รวมทั้ง เสรีภาพในการเสนอข้อมูลข่าวสารของประชาชน มีข้อความของบทบัญญัติที่กว้างขวาง คลุมเครือ ไม่ชัดเจน และสามารถตีความไปได้หลายแบบตามความมุ่งหมายของผู้ใช้กฎหมาย โดยอาจมีการตีความได้ว่า การเสนอ ข่าวหรือการแสดงความคิดเห็นที่เป็นความจริงแต่ทําให้ประชาชนหวาดกลัวก็ถือว่ามีความผิดได้ โดยที่มิได้ พิจารณาว่าข่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่ หรือเป็นข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะหรือไม่ 

นอกจากนี้ผู้บังคับ ใช้กฎหมายยังอาจตีความได้ว่า การเสนอข่าวหรือการแสดงความคิดเห็นที่เป็นความจริงแต่อาจทําให้ ประชาชนเกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชนก็อาจเป็นความผิดได้ ลักษณะนี้จึงถือเป็นการจํากัดเสรีภาพที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของ กฎหมายที่มุ่งหมายจะแก้ไขและยับยั้งเหตุฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโรคเท่านั้น

เมื่อพิจารณาข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 27 ข้อ 11 เปรียบเทียบกับข้อกําหนด ฯ ฉบับที่ 29 ข้อ 1 แล้วเห็นได้ว่า มีข้อความเหมือนกัน ซึ่งภายหลังการบังคับใช้ข้อกําหนด ฯ ฉบับที่ 29 ได้ไม่นาน บริษัท รี่พอตเตอร์ โปรดักชั่น จํากัด กับพวกรวม 12 คน ได้ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งขอให้เพิกถอนข้อกําหนดดังกล่าว พร้อมกับยื่นคําร้องขอไต่สวนคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉิน โดยศาลแพ่งมีความเห็นในตอนหนึ่งว่า “ข้อกําหนดที่ห้ามเผยแพร่ข้อความอันอาจทําให้เกิดความหวาดกลัว มิได้จํากัดเฉพาะข้อความอันเป็น เท็จดังเหตุผลและความจําเป็นตามที่ระบุไว้ในการออกข้อกําหนด ย่อมเป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของ โจทก์ทั้งสิบสองและประชาชน ทั้งข้อความอันอาจทําให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวตามข้อกําหนด ดังกล่าวมีลักษณะไม่แน่ชัดและขอบเขตกว้าง ทําให้โจทก์ทั้งสิบสอง ประชาชนและผู้ประกอบวิชาชีพ สื่อมวลชนไม่มั่นใจในการแสดงความคิดเห็นและสื่อสารตามที่รัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 34 วรรคหนึ่งและ มาตรา 35 วรรคหนึ่ง คุ้มครองไว้” 

ศาลแพ่งมีคําสั่งเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ห้ามนายกรัฐมนตรี ในฐานะจําเลยดําเนินการบังคับใช้ข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 29 เป็นการชั่วคราว หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจึง ออกข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 31 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ยกเลิกข้อกําหนด ฯ ฉบับที่ 29 กสม. จึงเห็นควรยุติ การตรวจสอบในประเด็นของข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 29 นี้ อย่างไรก็ดี คําพิพากษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การบังคับใช้ข้อกําหนด ฯ ฉบับที่ 27 ข้อ 11 ซึ่งมีข้อความเช่นเดียวกับข้อกําหนด ฯ ฉบับที่ 29 ข้อ 1 ย่อมส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการเสนอข่าวสารของผู้ร้องทั้งหกและ ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้น แม้ผู้ถูกร้องโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติในฐานะผู้อํานวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จะไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและเสนอพยานหลักฐานตามที่ กสม. ได้ร้องขอ ซึ่งเป็นขั้นตอนการให้โอกาสในการชี้แจงแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วย กสม. แต่พยานหลักฐานที่ ปรากฏในชั้นตรวจสอบก็เพียงพอที่ กสม. จะพิจารณาและมีความเห็นเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิด จากการใช้บังคับข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 27 ข้อ 11 และแม้จะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลใดถูกดําเนินคดีอาญา จากการใช้บังคับข้อกําหนด ฯ ดังกล่าว 

แต่จากเหตุผลที่ได้กล่าวมาในชั้นต้น ย่อมเห็นได้ว่าข้อกําหนด ฯ ฉบับที่ 27 ข้อ 11 กระทบต่อเสรีภาพในการเสนอข้อมูลข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และสื่อมวลชนเกินสมควรแก่เหตุ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กสม. จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะ มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ดังนี้

  • 1.พิจารณายกเลิกข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) เฉพาะส่วนในข้อ 11 โดยหลักการคาดว่าจะให้ระยะเวลา 60 วัน
  • 2.ในระหว่างที่ข้อกําหนดฯ ฉบับที่ 27 ข้อ 1 ยังมีผลใช้บังคับ ให้ ศบค. ใช้วิธีการชี้แจงหรือ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 โดยให้พิจารณาใช้มาตรการที่จําเป็นเหมาะสมภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่แล้ว เช่น ประมวล กฎหมายอาญา หรือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เป็นต้น

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ