เด็กวัย 12 ปี ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต รพ.ไม่ยอมผ่าตัดให้


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ผู้ปกครองของเด็กชาย วัย 12 ปี ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย หลังพาลูกเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยแพทย์บอกว่ามีคนไข้พิเศษ เป็นเหตุให้ลูกชายต้องนอนรออยู่ที่ รพ. ถึง 2วันก็ยังไม่ได้ผ่าตัด จนสุดท้ายลูกชายไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากครอบครัวของ ด.ช.กิตติศักดิ์ หรือน้องต้นน้ำ อายุ 12ปี นักเรียนชั้น ม.1 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่จ.บุรีรัมย์ เสียชีวิตจากไส้ติ่งแตกและติดเชื้อหลังไม่ได้คำชี้แจงจากทางแพทย์ถึงสาเหตุที่ไม่ยอมทำการผ่าตัดไส้ติ่ง

โดยน้องต้องนอนรออยู่ที่โรงพยาบาลถึง 2วัน และไม่ได้รับการผ่าตัดจนกระทั่งเสียชีวิต โดยทางครอบครัวยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ และยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ได้ทำการฌาปนกิจศพ น้องต้นน้ำ ไปแล้วเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ตั้ง กก.สอบปมรพ.ปล่อยเด็ก 12 ปี รอจนไส้ติ่งแตกตาย

ด.ช.วัย12 ปีนอนรอหมอจนไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

จากการสอบถาม นางน้ำฝน เทพพิทักษ์ อายุ 35 ปี แม่ของน้องต้นน้ำ เปิดใจทั้งน้ำตาว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายมีอาการปวดท้อง จึงพาลูกชายไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ เมื่อหมอตรวจดูอาการพบว่าเป็นไส้ติ่ง จึงส่งตัวลูกชายไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด 

จากนั้น ประมาณเที่ยงคืน เจ้าหน้าที่เวรเปลได้เข็นลูกชายเข้าไปในห้องผ่าตัด โดยที่ตนเองนั่งรออยู่ด้านนอก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เวรเปลคนดังกล่าวได้เข็นลูกชายออกมา ตนรู้สึกแปลกใจจึงเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่เวรเปลได้รับคำตอบว่า หมอมีคนไข้พิเศษ 2 คนโดยจะผ่าตัดคนไข้พิเศษก่อน และได้นำลูกชายกลับมารอ 

จนต่อมาคืนวันที่ 31 พ.ค.น้องได้เสียชีวิตลงโดยหมอระบุว่าไส้ติ่งแตกและติดเชื้อ ทำให้ตนคาใจ ว่าลูกชายส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลถึง 2 วัน หมอกลับไม่เร่งผ่าตัดจนทำให้ลูกชายต้องเสียชีวิต และจนถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด

ล่าสุดทางโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ได้แถลงชี้แจงแล้ว พร้อมยอมรับผิดที่ทำการรักษาล่าช้า ทำให้น้อง 12 ปี ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

โดยนพ.รักเกียรติ ประสงค์ดี รองผอ.ฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เปิดโต๊ะแถลงข่าว จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า น้องต้นน้ำ มีอาการปวดท้องน้อย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทไธสง หมอระบุเป็นไส้ติ่งอักเสบ แล้วส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ แพทย์ทำการตรวจประเมินซ้ำ วินิจฉัยว่าไส้ติ่งอักเสบ

จากนั้นผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัด 23.30 น. ของวันที่ 29 พ.ค. แต่ในขณะนั้นห้องผ่าตัดซึ่งมีเพียง 3ห้อง แต่ว่าทุกห้องมีเคสคนไข้อาการสาหัสเร่งด่วนที่ต้องรอผ่าตัดอีก 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่นัดคิวผ่าตัดไว้ล่วงหน้าแล้ว จากการประเมินของหมอไม่ทราบได้ว่าการผ่าตัดเคสก่อนหน้านี้จะเสร็จสิ้นตอนไหน จึงแจ้งไปยังหอผู้ป่วยขอส่งตัวคนไข้คือน้องต้นน้ำกลับไปที่ห้องก่อน 

ต่อมาแพทย์พบว่าน้องมีอาการหายใจเร็วขึ้น และตรวจพบว่ามีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ผลจากการผ่าตัด พบว่าพบไส้ติ่งแตก มีหนองอยู่โดยรอบ ประมาณ 100 ซีซี การผ่าตัดเสร็จเวลาประมาณ 14.00 น.ใช้เวลาในการผ่าตัด 45 นาที แต่เนื่องจากสภาพก่อนผ่าตัดมีภาวะแย่ลง และมีการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงส่งเข้ารักษาที่ห้องไอซียู ก่อนที่น้องหัวใจน้องหยุดเต้น เมื่อเวลา 02.25 น. ของวันที่ 31 พ.ค. ส่วนประเด็นที่ผู้ปกครองน้องติดใจว่า”มีเคสพิเศษ”แทรกคิวของน้องหรือไม่ จากการสอบสวนแล้วไม่มีเคสพิเศษใดๆ

ทุกเคสสามารถที่จะมีหลักฐานประกอบ และเป็นเคสที่มีความเร่งด่วน และเป็นคิวที่นัดผ่าตัดไว้ล่วงหน้าแล้ว

ทั้งนี้โรงพยาบาลต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องก่อนเป็นอันดับแรก และยอมรับว่ากระบวนการรักษาที่ล่าช้า  หลังจากนี้จะต้องไปขอขมาผู้ปกครองเด็กในเร็วๆนี้

ส่วนการเยียวยาจะต้องเข้าไปสอบสวนในเชิงลึก ว่าจะสามารถช่วยเหลือตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหาย จากการรับบริการทางสาธารณสุขได้มากน้อยแค่ไหน

ผู้ปกครองเสียงแตกยกเลิกชุด “ลูกเสือ-เนตรนารี”

อนามัยโลกชี้ “ฝีดาษลิง” เป็น “ภัยเสี่ยงระดับปานกลาง” ต่อสาธารณสุขโลก

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ