หลักฐานการโอนเงิน 112 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 3,669,000 บาท โดยผู้เสียหายเป็นข้าราชการบำนาญ วัย 68 ปี เปิดเผยว่าคนหลอกลวงเป็นรุ่นน้องข้าราชการที่สนิทกัน รู้จักกันมามากกว่า 30 ปี พอหลอกไปแล้วก็พบว่าใช้ชีวิตหรู กินดีอยู่ดี ทวงเงินไม่ยอมคืน บ่ายเบี่ยงไปต่างๆนานา
วันนี้ นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พาผู้เสียหาย ที่เดินทางมาพร้อมลูกสาว นำหลักฐานสลิปการโอนเงิน ข้อความการแชตไลน์ และข้อมูลบัญชีธนาคาร ยื่นร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
รักออนไลน์ !! หนุ่มใหญ่ โอนเงินกว่า 4 ล้าน ไม่เคยเจอหน้าสักครั้ง
พ่อค้าซาลาเปาเข่าทรุด ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินเกือบ 4 ล้านบาท
โดยมี พ.ต.อ.ดนู กล่ำสุ่ม รองผู้บังคับการกองกฏหมาย เวรอำนวยการเป็นคนรับเรื่อง ซึ่งคดีดังกล่าวแจ้งความดำเนินคดีฐานข้อโกงไว้ที่ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.64 แต่ผ่านมานานกว่า 6 เดือน คดีไม่คืบหน้าจึงเรียกร้องอยากให้มีการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน
อดีตข้าราชการบำนาญ ผู้เสียหาย อายุ 68 ปี เล่าว่าคู่กรณีเป็นรุ่นน้องที่สนิทกัน เคยทำงานราชการคลุกคลีกันมา 30 ปี เหตุที่ให้ยืมเงินเพราะรู้จักมานาน และเห็นว่าที่บ้านมีฐานะ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยยืมเงินมาก่อนด้วย จึงเชื่อว่ามีความจำเป็นและเดือดร้อนจริงๆ ให้ยืมเงินครั้งแรก 21,000บาท เมื่อ 7 เม.ย.64 ต่อมาก็มีเงินขอยืมเงิน 7-8 ครั้งรวมกว่าแสนบาท จึงเริ่มมีการทวงถาม
จากนั้นรุ่นน้องคนดังกล่าว เริ่มนำบุคคลที่สาม อ้างว่าต้องการความช่วยเหลือ เพื่อยืมเงินผู้เสียหายไปวิ่งเต้นคดีมรดก ซึ่งหากศาลตัดสินเสร็จสิ้นจะได้เงินมรดก 29 ล้านบาท และจะนำมาคืนผู้เสียหาย พร้อมจะคิดดอกเบี้ยให้ด้วย
เหตุที่ผู้เสียหายหลงเชื่อรุ่นน้องคนนี้มาตลอด เพราะโน้มน้าวว่าตัวเองก็ให้บุคคลที่สามยืมไป 5-6 ล้านบาท ทวงถามไปก็ใช้กลอุบายหลอกล่อและประวิงเวลาด้วยการให้ไปพบที่ศาล หรือธนาคาร อ้างว่าคดีมรดกเสร็จสิ้นแล้วให้ไปรับเงิน แต่เมื่อถึงเวลากลับบายเบี่ยงว่าเอกสารยังไม่พร้อม ต้องเปลี่ยนทนายให้เลื่อนไปก่อน
กระทั่งท้ายที่สุดลูกสาวที่พึ่งทราบเรื่อง ได้ตรวจสอบพบว่าไม่มีเลขคดีมรดกตามที่กล่าวอ้าง จึงรู้ว่าแม่ถูกหลอก และเริามติดต่อไม่ได้ จึงไปทวงถามที่บ้านฝ่ายสามีของรุ่นน้องคนดังกล่าวซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ก็พยายามพูดจาข่มขู่และอ้างว่าไม่มีสัญญายืมเงินเป็นลายลักษณ์อักษร และขู่จะดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทด้วยหากไม่หยุดมาทวง
ด้านทนายความ กล่าวว่าหลังมีการแจ้งความพนักงานสอบสวนไม่มีการเชิญผู้เสียหายหรือผู้เกี่ยวข้องทางคดีไปสอบปากคำแต่อย่างใด ซึ่งเห็นว่าคดีผ่านมาแล้วกว่า6เดือนไม่มีความคืบหน้าเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงอยากให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน จากการตรวจสอบพบผู้ถูกกล่าวหา ใช้ชีวิตหรูหรา ตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ถูกกล่าวหารายนี้มีประวัติคดีฉ้อโกงมากกว่า 10 คดีคดีหลายพื้นที่
ขณะที่ทนายความแจ้งเพิ่มเติมว่า พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าหลังจากทราบเรื่องวันนี้ ได้มีการนัดหมายผู้เสียหายเข้าไปพบตัวเองในวันจันทร์ที่27 มิ.ย.นี้เวลา 09.00น.เพื่อสอบถามรายละเอียดรวมถึงเชิญพนักงานสอบสวนคดีมาให้ข้อมูล ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ซึ่งตัวผู้เสียหายเองตอนนี้กลายเป็นโรคซึมเศร้า พร้อมยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ถูกคนสนิทมาหลอกและต้องสูญเสียเงินที่เก็บ ที่ทำงานมาตลอดชีวิตราชการ จนเงินหมดบัญชี