เอกสารลงวันที่ 26 ก.ค. 2565 ลงนามโดย นายณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ส่งถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อ้างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 และ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. นี้
จับกุมและดำเนินคดี 4 กลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายความผิด คือ ผู้ที่ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัยกัญชา ผู้ที่ไม่ขออนุญาตส่งออกกัญชา ผู้ที่ไม่ขออนุญาตขายกัญชา และ ผู้ที่ไม่ขออนุญาตแปรรูปกัญชาเพื่อการค้า
กางข้อกฎหมาย นำเข้า “กัญชา" ฝ่าฝืนพ.ร.บ.กักพืช เจอคุก มีโทษปรับ
หมอรามา 851 รายชื่อ จี้หยุด "กัญชาเสรี"
พร้อมย้ำว่า สามารถจับกุมและดำเนินคดีได้เลย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์ แผนไทย
ซึ่งหากไปดูรายละเอียดโทษ จะพบว่า ใครฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
หลังเอกสารฉบับนี้ ถูกเผยแพร่ออกมา มีการตั้งคำถามว่า กระทรวงสาธารณสุข ออกกฎหมายฉบับนี้ เพื่ออะไร เพราะ จริงๆแล้ว มีกฎหมายอยู่แล้ว ทำไมต้องออกเอกสารด่วนที่สุดไปขอให้ตำรวจดำเนินคดีหรือ เพราะ ที่ผ่านมาตำรวจไม่ดำเนินคดี
ทีมข่าวพีพีทีวี สอบถามความเห็นต่อเรื่องนี้จาก รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ “อ.อ๊อด” อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ติดตามสถานการณ์การเปิดเสรีกัญชาตั้งแต่แรก อ.อ๊อด มองว่า การส่งหนังสือถึง ผบ.ตร. เป็นความพยายามอุดช่องโหว่ที่มีการนำกัญชามาใช้ในเชิงสันทนาการ เพราะหลังปลดล็อกจากบัญชียาเสพติดตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. พบมีการนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ที่ต้องการให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์
แต่ถึงแม้จะมีหนังสือฉบับนี้ อ.อ๊อด มองว่า ในทางปฏิบัติ ยังคงเป็นปัญหา เพราะในการจับกุม เชื่อว่าตำรวจจะต้องพาข้าราชการกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่มีอำนาจตาม พ.ร.บ. ลงพื้นที่ไปด้วย เพราะไม่แน่ใจในขอบข่ายอำนาจของตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมามีการออกกฎหมายหลายฉบับที่ขัดแย้งกัน และกระทรวงสาธารณสุขขาดการสื่อสารทำความเข้าใจ ซึ่งต้นทางของปัญหาทั้งหมดมาจากการรีบใช้กฎกระทรวงมาปลดล็อคกัญชา ทั้งที่ยังไม่ทันออก พ.ร.บ. ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใหญ่กว่า มาควบคุมโดยเฉพาะ ทำให้เกิดภาวะสุญญากาศ จนต้องหา พ.ร.บ. อื่นๆ มาใช้อุดช่องโหว่ไปก่อน ระหว่างที่ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่มีผลบังคับใช้
อ.อ๊อด เปรียบเทียบกัญชา และสาร THC ในกัญชา เหมือนฝิ่นกับมอร์ฟีน ซึ่งยังอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 แต่สามารถนำมอร์ฟีนมาใช้ทางการแพทย์ได้ ไม่สามารถใช้ในเชิงสันทนาการ แต่เมื่อมาดูกัญชาแม้จะควบคุมห้ามใช้สารสกัดที่มี THC เกิน 0.2 แต่ถ้าครอบครองกัญชา ไม่ได้สกัดสาร THC ออกมาก็ไม่ผิด กฎกระทรวงที่ออกมาปลดล็อก จึงเป็นเหมือนกฎ “ศรีธนญชัย”
แม้ในทางปฏิบัติอาจยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่ อ.อ๊อด มองว่า หนังสือฉบับนี้เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ปัญหาสังคมจากการใช้กัญชาลดลง หากตำรวจบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวอย่างจริงจัง ระหว่างรอ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ยังไม่คลอด