จีนกร้าวจะไม่ทนต่อ "กิจกรรมแบ่งแยกดินแดน" ในไต้หวัน

เอกสารปกขาวที่เผยแพร่โดยสำนักงานกิจการไต้หวันและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน แสดงให้เห็นยุทธศาสตร์ของของจีนว่าจะอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวันผ่านมาตการทางเศรษฐกิจและการทหารอย่างไรบ้าง 

สมุดปกขาวระบุตรงไปตรงมาว่า จีนจะไม่ปล่อยให้มีกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม และจีนจะไม่ตัดเรื่องการใช้กำลังหากจำเป็น

โดยมาตรการทางทหารขั้นรุนแรงจะใช้หากมีการก็ต่อเมื่อยั่วยุ ไม่ว่าจะเป็นจากคนที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนหรือกองกำลังจากภายนอก

"ไบเดน" ยันสหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวัน หากถูกจีนโจมตี

จีนซ้อมรบต่อ เน้นปฏิบัติการทางทะเล-โจมตีเรือดำน้ำ

นี่ถือเป็นการออกสมุดปกขาวเกี่ยวกับไต้หวันครั้งล่าสุดในรอบ 22 ปี โดยครั้งก่อนหน้านี้ที่จีนออกสมุดปกขาวเกี่ยวกับไต้หวันคือเมื่อปี 2000 ไม่นานหลังจากที่ไต้หวันเปลี่ยนผ่านจากการปกครองภายใต้เผด็จการสู่ประชาธิปไตยในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ซึ่งความเป็นสังคมเสรีประชาธิปไตยยังส่งผลให้อัตลักษณ์ของไต้หวันที่แตกต่างจากแผ่นดินใหญ่ยิ่งปรากฎชัด

การออกสมุดปกขาวเกี่ยวกับไต้หวันครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่สถานการณ์ช่องแคบไต้หวันยังคงตึงเครียด หลังจีนเปิดฉากซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวันเพื่อประท้วงการเยือนไต้หวันโดย ‘แนนซี เพโลซี’ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ

แม้ตามกำหนดการที่ประกาศไว้ การซ้อมรบของจีนจะต้องจบลงตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้กองทัพจีนยังคงซ้อมรบอยู่ โดยไม่ระบุชัดว่าการซ้อมรบจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และซ้อมปฏิบัติการที่บริเวณไหนบ้าง

รอยเตอร์รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้เรือของกองทัพจีนยังเคลื่อนไหวอยู่นอกชายฝั่งไต้หวันทั้งทางตะวันตกและตะวันออก ส่วนที่บริเวณใกล้เส้นแบ่งกึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน มีเรือกองทัพจีนและไต้หวันประมาณ 20 ลำ จอดหยั่งเชิงกันอยู่เมื่อช่วงเข้าที่ผ่านมา

ด้านสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนก็ได้เผยแพร่ภาพเครื่องบิบรบของจีนปฏิบัติการขับไล่และเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ รวมถึงภาพเรือของกองทัพจีนโดยบอกว่ากำลังซ้อมรบอยู่รอบไต้หวัน  

แต่ล่าสุด กองบัญชาการยุทธการภาคตะวันออกของกองทัพจีนได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า กองทัพจีนได้บรรลุภารกิจหลายอย่างรอบไต้หวันแล้ว แต่จะยังคงจับตาสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันและทำการลาดตระเวนตามปกติต่อไป ซึ่งนี่ก็ทำให้ถูกจับตาว่า อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนเตรียมยุติการซ้อมรบที่ดำเนินมาต่อเนื่องหลายวันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในถ้อยแถลงนี้ก็สะท้อนชัดว่าจีนน่าจะยังเดินหน้ากดดันไต้หวันต่อ

ขณะที่ฝ่ายกองทัพไต้หวัน เมื่อวานนี้ได้เปิดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงที่เมืองผิงตงทางตอนใต้ของไต้หวัน โดยมีการยิงปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ (Howitzer) ลงชายฝั่ง ซึ่งการซ้อมรบที่ผิงตงเมื่อวานนี้เสร็จสิ้นลงภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม กองทัพไต้หวันระบุว่าการซ้อมรบจะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ด้วย โดยจะมีการส่งกำลังพลหลายร้อยนายและนำปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ 40 กระบอกร่วมด้วย

โฆษกกองพลที่ 8 ของไต้หวันยืนยันว่าการซ้อมรบเป็นไปตามกำหนดการที่มีมาก่อนหน้านี้ และไม่ใช่การตอบโต้การซ้อมรบของจีน

ขณะที่เมื่อวานนี้ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไต้หวันออกมาแถลงชัดเจนถึงมุมมองที่มีต่อการซ้อมรบของจีน

โดย ‘โจเซป อู๋’ รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันระบุว่า จีนใช้การเยือนของเพโลซีเป็นข้ออ้างในการดำเนินกิจกรรมทางการทหาร จุดประสงค์ที่แท้จริงของจีนคือ การใช้กำลังทางการทหารเพื่อเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ในช่องแคบไต้หวันและของทั้งภูมิภาค    

หลังการแถลงข่าว มีเสียงตอบโต้จากกระทรวงการต่างประเทศจีนทันที โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนบอกว่า ตำแหน่งที่เรียกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของไต้หวัน ก็เป็นเพียงแค่อธิบดีกรมต่างประเทศระดับภูมิภาคแห่งหนึ่งของจีนเท่านั้น การซ้อมรบของจีนตอบโต้ของจีนต่อการเยือนของเพโลซีเป็นเรื่องสมเหตุสมผลและถูกต้องตามกฎหมาย

และสาเหตุความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันมาจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไต้หวันที่สมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังภายนอกสนับสนุนเอกราช พร้อมเตือนว่าใครก็ตามที่ใช้กำลังขัดขวางการรวมชาติจะต้องถูกต่อต้านอย่างรุนแรง

การไม่ยอมประกาศยุติการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันของจีนถูกมองว่า นี่คือกลยุทธ์ของจีนในการทำให้ “ การซ้อมรบ” ในแถบนี้เป็น New Normal

หมายความว่า ต่อจากนี้การซ้อมรบขนาดใหญ่ และเป็นการซ้อมรบที่ข้ามเส้นแบ่งกึ่งกลางจะกลายเป็นเรื่องปกติ 

ทำไมจีนใช้กลยุทธ์นี้ เดอะการ์เดี้ยนรายงานอ้างอิง  ‘อเลสซิโอ  ปาตาลาโน’ (Alessio Patalano) ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามและยุทธศาสตร์เอเชียตะวันออกจากคิงส์คอลเลจ ลอนดอนที่ระบุว่า จุดประสงค์ที่จีนทำแบบนี้ก็เพื่อสร้างความหวาดกลัวและความรู้สึกไม่มีทางเลือกในหมู่ชาวในไต้หวัน เป็นการทำสงครามจิตวิทยา

ความเห็นของปาตาลาโนดูจะมีความเป็นไปได้สูง หากมองจากข้อมูลที่เดอะการ์เดี้ยนรายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากองทัพจีนส่งเครื่องบินอย่างน้อย 140 เข้ามาในเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน ในจำนวนนี้มีอยู่ 100 ลำที่บินเหนือเส้นแบ่งกึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน

นอกจากนี้ ยังมีเรือของกองทัพจีนอย่างน้อย 41 ลำที่ข้ามเส้นแบ่งช่องแคบนี้มาด้วย  ซึ่งโดยปกติแล้วเส้นแบ่งกึ่งกลางช่องแคบไต้หวันถือเป็นแนวแบ่งเขตควบคุมในช่องแคบดังกล่าวระหว่างจีนและไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการ ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายมักจะไม่ข้ามเส้นแบ่งนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการซ้อมรบของจีน จึงทำให้เกิดคำถามว่าในอนาคตเส้นแบ่งกึ่งกลางช่องแคบไต้หวันจะยังหลงเหลือความสำคัญหรือไม่

ซึ่งคำตอบจากฝ่ายจีนก็ค่อนข้างชัดเจนว่า สำหรับจีนแล้วเส้นนี้ไม่มีอยู่จริง เพราะไต้หวันถือเป็นส่วนหนึ่งของจีน

กลยุทธ์ที่จีนใช้คือ การทำให้การซ้อมรบใหญ่กลายเป็นเรื่องปกติ รวมถึงการรุกเข้ามาใกล้ไต้หวันมากเรื่อยๆ

วิธีการเช่นนี้ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า จะนำไปสู่จุดที่จีนจะสามารถปิดล้อมให้ไต้หวันให้ยอมแพ้ได้โดยไม่ใช้กำลังทางทหาร

การซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

หากเราไปดูที่พื้นที่ซ้อมรบ 6 โซนรอบเกาะไต้หวันที่จีนได้ประกาศเอาไว้ จะเห็นได้ชัดว่าโซนเหล่านี้เป็นจุดสำคัญในการปิดล้อมไต้หวัน

‘เมิ่งเซียงฉิง’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศของกองทัพจีนบอกว่า จีนเลือกพื้นที่ซ้อมรบทั้ง 6 โซน เพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนสามารถตัดขาดท่าเรือและฐานที่มั่นทางการทหารที่สำคัญของไต้หวันได้ รวมถึงสามารถตัดการเข้าถึงไต้หวันโดยกองกำลังต่างชาติที่ต้องการให้ความช่วยเหลือไต้หวันด้วย

ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีนรายนี้ยังชี้ว่า การซ้อมรบทางตอนเหนือสามารถปิดกั้นไต้หวันจากเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น ซึ่งมีฐานทัพของสหรัฐฯ ตั้งอยู่

ส่วนพื้นที่ซ้อมรบทางตอนใต้ของไต้หวัน กองทัพจีนแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมช่องแคบบาชิ ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกเดียวสู่ทะเลจีนใต้

ขณะที่ในพื้นที่ซ้อมรบทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน กองทัพจีนก็แสดงให้เห็นว่า การยิงขีปนาวุธที่แม่นยำของจีนสามารถบีบให้เรือรบของกองทัพต่างชาติล่าถอยไปจากน่านน้ำของไต้หวันได้

โดยเมิ่งเซียงฉิงยังบอกว่า นี่เป็นการปิดล้อมเกาะไต้หวันแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยในช่วงที่จีนซ้อมรบ ทั้งเรือสินค้าและเครื่องบินพาณิชย์ได้รับคำเตือนให้อยู่ห่างพื้นที่ซ้อมรบ ทำให้เรือสินค้าและสายการบินต่างๆ ต้องหาเส้นทางอื่นในการเดินทาง

นี่ทำให้ ‘คาร์ล ชูสเตอร์’ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกของสหรัฐฯในฮาวายวิเคราะห์ว่า หากจีนต้องการยึดไต้หวันขึ้นมาจริงๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างแรกก็คือการดำเนินยุทธศาสตร์ปิดล้อม

และจากการซ้อมรบครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า การปิดล้อมก็ไม่จำเป็นต้องทำด้วยการส่งกองทัพเรือไปประจำการชายฝั่ง เพราะการยิงขีปนาวุธข่มขู่ก็เพียงพอแล้วที่จะยับยั้งการเดินเรือและการสัญจรทางอากาศ

ชูสเตอร์ เชื่อว่าจะการซ้อมรบครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า จีนอาจโดดเดี่ยวไต้หวันก่อนเป็นอันดับแรก และจะหันไปใช้การโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธเพื่อทำลายเจตจำนงทางการเมืองของรัฐบาลไต้หวัน โดยเขามองว่าการทำสงครามบุกไต้หวันซึ่งถือเป็นแนวทางที่มีต้นทุนสูงน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของจีน

สอดคล้องกับ ‘แอนโทนี หว่อง ตง’ ผู้สังเกตการณ์ด้านการทหารในมาเก๊าที่เผยกับหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ของฮ่องกงว่า ยุทธศาสตร์ของกองทัพจีนในการปิดกั้นทั้งเส้นทางอากาศและทะเลมายังไต้หวันจะทำให้กองทัพจีนได้เปรียบ

หว่องบอกว่าการปิดล้อมเกาะไต้หวันจะทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรเผชิญความยุ่งยากในการตัดสินใจ และนั่นจะทำให้ไต้หวันต้องยอมอ่อนข้อให้กับจีนโดยที่ไม่ต้องสู้รบ