เบื้องต้นพบว่า คดีนี้ มีจำเลย 4 คน คือ พระชาตรี ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสขณะนั้น เป็นจำเลยที่ 1 พระลูกวัด เป็นจำเลยที่ 2 กรรมการวัด เป็นจำเลยที่ 3 และ ผู้หญิงที่เป็นเหรัญญิก เป็นจำเลย ที่ 4
ทนายปัญญา บอกว่า มีการเบิกเงิน ออกจากบัญชีวัด รวม 4.3 ล้านบาท โดยเบิกครั้งละ 2-3 แสนบาท จากข้อมูลนี้หมายความว่า ในเดือนเกิดเหตุ มีการเบิกเงินเป็น 10 ครั้ง โดยจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเหรัญญิกเป็นคนเซ็นรับเงินเพียงคนเดียว
เจ้าคณะตำบลบางเขน ยันเรื่องจริง “พระชาตรี” เคยยักยอกเงินวัด จนถูกปลด
ลุยต่อ! ทนายวัดพุทธปัญญา คัดสำนวนคดีปม "พระชาตรี" ยักยอกเงินวัด ลั่นเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เมื่อกลายเป็นคดีความ พบว่า เหรัญญิกคนดังกล่าว ไม่ยอมมาเบิกความในศาล ทำให้ถูกออกหมายจับ เมื่อปี 2560 แต่ผ่านมา 5 ปี ยังไม่สามารถจับกุมได้ ทราบข้อมูลว่า เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตอนนี้เชื่อว่าอยู่ที่ สหรัฐอเมริกา
เมื่อถามว่า พบความเชื่อมโยงอย่างไรระหว่าง เหรัญญิก กับ พระชาตรี ทนายปัญญา บอกว่า หากดูตามหลักฐาน ยังไม่พบความเชื่อมโยง เพราะ เหรัญญิก เบิกเงินออกมาคนเดียว แต่ในทางพฤติกรรม พระในวัดบอกว่า พระชาตรี เป็นคนแต่งตั้งเหรัญญิกคนนี้ และ จำเลยทั้ง 4 คน สนิทสนมกัน
ขณะที่ การเบิกความต่อศาล ตอนนี้ พระชาตรี ยืนยันว่า ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินดังกล่าว เพราะสั่งการให้เบิกถอนเงิน เฉพาะการจ่าย ค่าน้ำค่าไฟ บำรุงกิจการของวัดเท่านั้น สำหรับคดีความยักยอกเงิน มีอายุความ 20 ปี หมายความว่า คดีนี้สิ้นสุดปี 2580
ส่วนความเคลื่อนไหว ของนายคนึงกิจ พรหมนุชานนท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี เมื่อช่วงสายวันนี้ เดินทางเข้าไปสอบถามข้อมูลพฤติกรรมพระชาตรี กับพระครูโกศลปริยัติวงศ์ เจ้าคณะตำบลบางเขน นายคนึงกิจ บอกว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงเรื่องรายละเอียดเงินที่ถูกยักยอกไปได้ ต้องรอสำนวนคดีทั้งหมดจากทนายความ โดยหลังจากนี้จะนัดพูดคุยข้อมูลกับทนายและเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาก่อน
สำหรับที่ผ่านมาทางสำนักพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรีไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนถึงพฤติกรรมพระชาตรีมาก่อน ทำให้ประเด็นเรื่องการยักยอกเงินครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการร้องเรียน หากหลังจากนี้มีการตรวจสอบ และพบว่าพระชาตรีกระทำความผิดจริง ก็ต้องประสานสำนักพระธรรมฑูตหน่วยงานที่กำกับพระชาตรีในพิจารณาอีกครั้ง