นายสิริชัย วรรณคำ อายุ 66 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.ปากข้าวสาร อ.เมือง จ.สระบุรี ต้องปีนบันไดไม้ที่พาดกับกำแพงปูนสูงประมาณ 4 เมตรเข้าไป เสี่ยงจะเกิดอันตรายหากพลาดตกลงมา
สอบถามนายสิริชัย ทราบว่า ที่ดินที่ปลูกบ้านปัจจุบันเป็นที่ดินที่เหลือจากการถูกเวนคืนมานับ 10 ปี และมีลักษณะเป็นที่ตาบอดไม่มีทางเข้าออกเนื่องจากโดยรอบเป็นที่ดินชาวบ้านและมีน้ำท่วม ส่วนพื้นที่ด้านเป็นของโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลเมืองสระบุรี
เจ้าของโฮมสเตย์ร่ำไห้วัดปิดทางเข้าที่ตาบอด
3 จุดเช็กอินสุดคูลจาก “สระบุรี” เที่ยวใกล้กรุงเทพ เที่ยวเพลินไม่ซ้ำใคร
ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวกับ อบต.ปากข้าวสารโดยเมื่อก่อนพื้นที่แถวนี้ยังไม่ได้ทำกำแพง ก็ไม่มีปัญหาในการเข้าออก แต่หลังพื้นที่โดยรอบทำกำแพงขึ้นมา จึงจำเป็นต้องเข้าบ้านด้วยวิธีนี้
ก่อนหน้านี้เคยร้องของเจ้าหน้าที่ของโรงฆ่าสัตว์ช่วยเปิดทางให้ ก็เปิดได้อยู่พักหนึ่งแต่ตอนหลังมีการสั่้งปิดอีก จึงอยากร้องขอความเห็นใจจากนายกเทศบาลเมืองสระบุรี
นายสิริชัย ยังเล่าว่า เมื่อ 20 ปีก่อนตนประสบอุบัติเหตุ ต้องตัดขาซ้ายทิ้ง จากนั้นภรรยาไปมีสามีใหม่ ส่วนลูกก็แยกไปมีครอบครัวแล้ว จึงอยู่บ้านคนเดียว แต่ก็จะมาหาบ้าง ส่วนการติดต่อกันเมื่อก่อนตนมีโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ตกน้ำเสียหายไปไม่มีเงินซื้อใหม่
ทีมข่าวสำรวจบ้าน พบว่ามีสภาพเป็นพื้นไม้กระดานยกสูงใกล้จะพัง หลังคามุงด้วยสังกะสีที่ผุพัง ไม่มีฝาบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ มีเพียงหม้อข้าวเล็กๆ ถ้วยชาม ห้องน้ำก็โล่งโปร่งไม่มีการกั้นปิดมิดชิด ซึ่งนายสิริชัยก็บอกว่าหากเป็นไปได้ก็อยากจะขอความช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้านด้วย แต่บ้านดังกล่าวนั้นอยู่ในพื้นที่ อบต.ปากข้าวสาร
ขณะที่เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานมาจาก นายวินัย นาคนิวงค์ และ นายเหนียม สุทธิยา สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระบุรี ซึ่งลงมาตรวจพื้นที่และเห็นว่านายสิริชัย เดินเข้าไปด้านหลังโรงฆ่าสัตว์ก่อนจะหายไป ด้วยความสงสัยจึงสอบถามเจ้าหน้าที่จนทราบเรื่อง