ว่าที่ร.ต.ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดี ฝ่ายวิชาการ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ผลกระทบของพายุ จะทำให้ ช่วงนี้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะภาคอีสานตอนล่าง ขณะที่ภาคกลางและภาคตะวันออกจะได้รับอิทธิพลจากพายุทำให้ฝนหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่
ด้าน รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พายุโนรูที่กำลังเคลื่อนผ่านไป จะไม่ทำให้ไทยสิ้นสุดสถานการณ์ฝนตกหนัก หรือ น้ำท่วม เพราะ หลังจากนี้ยังต้องเจอกับหย่อมความกดอากาศที่จะเกิดขึ้นอีกเยอะ
"พายุโนรู” อยู่เมืองชัยภูมิ กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กม./ชม.
7 วันอันตราย เตือน กทม. และ 10 จังหวัดภาคกลาง จับตาน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น
และ หย่อมความกดอากาศ คาดเดาได้ยากว่า จะพัฒนาเป็นพายุหรือไม่ ต้องดูสถานการณ์เป็นรายสัปดาห์ไป แต่ในช่วง 1-3 ตุลาคมนี้ ต้องจับตาพื้นที่กทม. ที่จะเจอกับหย่อมความกดอากาศในอ่าวไทย และอันดามัน
ขณะเดียวกันยังคาดการณ์ว่า อีก 15 วัน หลังจากนี้ ไทยน่าจะเจอกับพายุอีก 1 ลูก โดยการคาดการณ์พายุแต่ละปีจะเกิดขึ้นเฉลี่ย 23-25 ลูกต่อปี ปีนี้เกิดขึ้นไปแล้ว 15-16 ลูก คาดว่า ยังเหลืออีก 7 ลูก แต่จะยังไม่รู้ว่า จะเข้าไทยหรือไม่
อาจารย์เสรียังบอกว่า ที่ต้องจับตาคือ ความรุนแรงของพายุ เพราะต้องยอมรับว่า สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อน ส่งผลโดยตรงต่อพายุที่จะพัฒนาความรุนแรงเพิ่มกว่าเดิม 20 เปอร์เซนต์ เช่น หากเคยเจอพายุใต้ฝุ่น 7 ลูก ในอนาคตจะพายุใต้ฝุ่นจะเพิ่มเป็น 8-9 ลูก ซึ่งไทยก็มีโอกาสที่จะเจอกับซุปเปอร์ใต้ฝุ่นเข้าตรงๆแบบเวียดนาม