เทียบ “วัคซีนโควิด-19” ทำไมไทยต้องจอง “แอสตราเซเนกา-ออกซฟอร์ด”
เทียบแต่ละประเทศ ซื้อวัคซีนโควิด-19 ไปในราคาเท่าไหร่
จากการที่รัฐบาลไทยลงนามในสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกยน 2563 ที่ผ่านมา ด้วยการจองล่วงหน้า จากบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทผลิตวัคซีนสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ร่วมกับที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด จำนวน 26 ล้านโดส โดยมีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนดังกล่าว
วัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกานี้ เบื้องต้น มีการทดลองในมนุษย์เฟส 3 พบว่าได้ผลดี มีประสิทธิภาพการป้องกันโรคเฉลี่ย 70.4% ถือเป็นความหวังของประเทศไทย 13 ล้านคนแรก ที่จะได้รับวัคซีนชนิดนี้ ภายในกลางปี 2564
นายแพทย์ นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทย อยู่ในขั้นตอนที่บริษัทแอสตราเซเนกา จะถ่ายทอดเทคโนลีให้กับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เพื่อให้ไทยสามารถเดินสายการผลิตได้เอง ราวๆ เดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งประเด็นสำคัญคือ ใคร คือผู้ที่จะได้รับวัคซีน ใน 13 ล้านคนแรก
3 กลุ่มในการรับวัคซีน
ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรกว่า 70 ล้านคน หากจะให้วัคซีนครบทุกคน คนละ 2 เข็ม ต้องมีวัคซีนถึง 140 ล้านโดส ซึ่งเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเท่าที่มีอยู่ความหวังอยู่ 26 ล้านโดสนั้นจึงต้องวางแผนว่าจะฉีดให้กลุ่มใดก่อน ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ อยู่ระหว่างพิจารณา ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการฉีดวัคซีน เช่น
1. ฉีดวัคซีนป้องกันการเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุ
2.ฉีดในกลุ่มที่มีโอกาสในการแพร่เชื้อสูง เพื่อป้องกันการระบาดของโรค คือ กลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ แข็งแรง และแทบไม่แสดงอาการแม้ว่าจะติดเชื้อแล้ว
และ 3. ฉีดในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข เพราะถ้าคนกลุ่มนี้เกิดการติดเชื้อฯ หรือป่วย จะทำให้เสียบุคลากรด่านหน้าในการรับมือกับโควิด 19
นอกจากวัคซีนที่ประเทศไทยร่วมเป็นภาคีด้วยของ แอสตราเซเนกา-อ็อกซฟอร์ดนี้ // เรายังมีการวิจัยของไทยเราเองที่เป็นอีก 1 ความหวังเช่นเดียวกัน ได้แก่
1.ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ที่ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาวัคซีน แบบ mRNA
2.วัคซีนแบบ DNA พัฒนาโดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด อยู่ระหว่างการเตรียมการทดลองในมนุษย์ โดยจะไปทดลองระยะที่ 1 ในประเทศออสเตรเลีย
3.วัคซีนที่ใช้เทคนิคการผลิตโปรตีนจากใบยาสูบ ของบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด สตาร์ทอัพในความดูแลของ CU Enterprise
4. วัคซีนเชื้อตาย (Inactivated) พัฒนาโดยองค์การเภสัชกรรม ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ในขั้นทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเบื้องต้นในสัตว์ทดลอง และ พัฒนาวัคซีนตัวเลือกระดับห้องปฏิบัติการ
5. วัคซีนแบบอนุภาคไวรัส (Viral Like Particle:VLP) โดย คณะแพทยศาสตร์ ศิริราช และสวทช. อยู่ในขั้นทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเบื้องต้นในสัตว์ทดลอง
6. วัคซีนแบบใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral vector) โดยสวทช. อยู่ในขั้นทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเบื้องต้นในสัตว์ทดลอง และ
7. วัคซีนแบบเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (Live-attenuated) พัฒนาโดย สวทช. เช่นเดียวกัน อยู่ในขั้นทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเบื้องต้นในสัตว์ทดลอง
ปัจจุบัน การระบาดของโควิด 19 ยังเกิดขึ้นทั่วโลก และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง รวมถึงไทยเองที่กำลังประสบกับการระบาดระลอกใหม่ ถึงแม้ว่าในอนาคตจะมีวัคซีนเข้ามา แต่ก็เปรียบเสมือนเป็นการดับไฟ เบื้องต้น ยืดระยะเวลาออกไป ขณะนี้ สิ่งที่ทุกคนจะทำได้โดยไม่ต้องรอ คือ ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง เพราะสิ่งเหล่านี้ อาจจะเป็นวัคซีนที่ดีที่สุดที่เราสามารถสร้างขึ้นได้เองโดยไม่ต้องรอใคร