'อนุทิน' อัปเดต สธ.จัดสรรลงตัว "วัคซีนโควิด" ช่วงแรกฉีด 19,014,154 คน แบ่ง 4 กลุ่มได้ฉีดก่อน
“อนุทิน” เผยข่าวดี เจรจาซื้อวัคซีนโควิด-19 เพิ่มได้รับล็อตพิเศษ 2 ล้านโดส ก.พ.-เม.ย. 64
วัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จะเข้ามาล็อตแรกในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ จำนวน 50,000 โดส เมื่อมาถึงแล้วก็จะต้องผ่าน กระบวนการตรวจสอบต่างๆ ให้เรียบร้อยภายในสัปดาห์แรก จากนั้นในสัปดาห์ที่ 2 ก็จะเป็นขั้นตอนของการกระจายวัคซีน ซึ่งคาดว่าประมาณ สัปดาห์ที่ 3 ถึงจะสามารถฉีดได้
ทั้งนี้การฉีดก็ต้องเป็นไปตามความสมัครใจ โดยให้บุคลากรการแพทย์ที่ทำงานเป็นด่านหน้าในพื้นที่เสี่ยงลงทะเบียนได้ที่ แอพพลิเคชั่น "หมอพร้อม".ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเริ่มฉีดเข็มแรกในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์
นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ขณะนี้การเตรียมการของทุกภาคส่วนมีความพร้อม ซึ่งในเบื้องต้น คนใดที่ได้รับวัคซีนจะต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” เพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งในทางการแพทย์ เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีนบ้าง แต่ขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไป เนื่องจาก กระทรวงสาธารณสุขจะมีคณะกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่ ที่จัดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะในการดูแล
สำหรับแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” หรือแอพพลิเคชั่น ที่ใช้ติดตามผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนนี้ ถือเป็นแอปพลิเคชั่นที่ 3 ต่อจาก “ไทยชนะ” ที่ออกแบบมาเพื่อให้สแกนเช็คอินก่อนเข้าพื้นที่ต่าง ๆ “หมอชนะ” แอปพลิเคชั่น วัดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด นอกจากนี้ยังมี โครงการ “เราชนะ” ซึ่งเป็นโครงการช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบจากโควิด ทั้ง 4 ชื่อนี้มีความคล้ายคลึงกัน ก็อาจทำให้เกิดความกังวล ว่า ประชาชนอาจจะสับสน
ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการติดตามผลการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่เริ่มมีการฉีดให้ประชากรในต่างประเทศผลข้างเคียงน้อยกว่าวัคซีนตัวอื่น ๆ จึงถือว่ามีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง เป็นประโยชน์ในการควบคุมโรคในประเทศ
สธ.เตรียมรับมือผลข้างเคียง วัคซีนโควิด-19
สำหรับกลุ่มเป้าหมายการฉีดระยะแรก กลุ่มที่ 1 บุคลากรด่านหน้าทั้งภาครัฐและ เอกชน ซึ่งมีประมาณ 6-7 พันคน กลุ่มที่ 2 ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับงานควบคุมป้องกันโรคโควิด ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มนี้มีอยู่ราวๆ หลักพันคน และกลุ่มที่ 3 ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อแล้วอาการรุนแรง หรือเสี่ยงต่อชีวิต คือผู้สูงอายุ อายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ และโรคไต ซึ่งคนกลุ่มนี้มีอยู่หลักแสนคน แต่ตัวเลขทั้งหมดที่กล่าวมานี้ อาจไม่เป็นไปตามนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว การฉีด
ส่วนคำถามที่ว่าคนที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนนั้นต้องเตรียมตัวอย่างไร อธิบดีกรมควบคุมโรคก็ กล่าวว่า ไม่ต้องทำอะไร แค่ดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพราะปกติแล้ว เขาจะไม่ฉีดวัคซีนให้กับคนที่มี
ขณะที่วัคซีนจากบริษัท แอสตราเซเนกา ที่จะมาถึงไทย ต้นกุมภาพันธ์นี้ในล็อตแรก 50,000 โดส ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก คณะกรรมการอาหารและยา ของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภายหลังที่วัคซีนล็อตแรก จะมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้แล้ว วัคซีนรอบต่อไป จะทยอยตามมาเพิ่มในเดือนมีนาคมและเมษายน รวมถึงวัคซีนของบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน ที่จะมาสมทบเพิ่มเติมด้วยเช่นเดียวกัน