แม้ว่าการระบาดระลอกใหม่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ในอีกด้านหนึ่งหลายประเทศก็กำลังเร่งมือฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนของตนเอง วันนี้จะพาไปดูยี่ห้อของวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ซึ่งการขึ้นทะเบียนวัคซีนนั้นก็มีความแตกต่างกันไปรวมถึงความเคลื่อนไหวการจัดหาวัคซีนในนานาชาติ ว่าเขาดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และยุโรป
สหรัฐฯพร้อมแบ่งวัคซีนแอสตราฯให้ชาติอื่น
วิกฤตโควิดอินเดีย โรงงานวัคซีนโลกล่มสลาย ขาดสารตั้งต้น-วัตถุดิบ
12 ฟังก์ชัน "หมอพร้อม V.2" เปิดให้ประชาชนจองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19
มาทำความรู้จัก 3 รูปแบบการขึ้นทะเบียนวัคซีนกันก่อน
การขึ้นทะเบียนแบบ Emergency Use Authorization (EUA) เป็นการอนุญาตให้ใช้วัคซีนในกรณีฉุกเฉิน โดยหน่วยงานควบคุมกำกับของแต่ละประเทศ โดยพิจารณาจากการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ (อาจมีเฟส 3 แล้วหรือไม่ก็ได้) ให้สามารถใช้กับประชากรกลุ่มเป้าหมายในประเทศนั้นๆ ได้ มีอยู่ด้วยกัน 13 บริษัทผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้รับอนุญาตให้ใช้ แบบ EUA ในบางประเทศ ประกอบด้วย
1.ไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNtech)
2.โมเดอร์นา (Moderna)
3.แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
4.ซิโนฟาร์ม ปักกิ่ง(Sinopharm-Beijing)
5.ซิโนฟาร์ม ปักกิ่ง อู่ฮั่น (Sinopharm-Wuhan)
6.ซิโนแวค (Sinovac)
7.Gamaleya ผู้ผลิตสปุตนิก วี (Sputnik V) ของรัสเซีย
8.แคนซิโน (Cansino)
9.จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)
10.อันฮุย จื้อเฟย หลงเคอ สั่งกัด สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน (Anhui Zhifei Longcom /IMCAS)
11.Vector Institute
12.ภารัต ไบโอเทค (Bharat Biotech) ของอินเดีย
13.Chumakov Center ของรัสเซีย
ต่อมาคือ การได้รับการรับรองแบบ Emergency use listing (EUL) จาก องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นการประเมินวัคซีนในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข มีเป้าหมายเพื่อให้สามารถใช้วัคซีนได้ ในวงกว้าง เนื่องจากระบบควบคุมกำกับของบางประเทศ อาจไม่มีความพร้อมและไม่มีมาตรฐานเพียงพอ จึงให้ใช้การอ้างอิงจาก EUL โดยการประเมินจะทำโดยผู้เชี่ยวชาญของ WHO ปัจจุบัน มี 3 ชนิดได้การรับรองจาก EUL จาก WHO คือ
- ไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNtech)
- แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
- จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)
ต่อมาคือ การขึ้นทะเบียนฉุกเฉินแบบมีเงื่อนไข จะพิจารณาจากผลการพัฒนาวัคซันในทุกขั้นตอน และอนุญาตให้ใช้กับประชากรกลุ่มเป้าหมายในประเทศนั้นๆ ได้ โดยต้องมีการเก็บผลการใช้วัคซีน และมีการรายงานต่อหน่วยงานควบคุม กำกับอย่างเคร่งครัด ปัจจุบัน ในไทย มี 3 ชนิด ที่ขึ้นทะเบียนฉุกเฉินแบบมีเงื่อนไขจาก อย.ไทย
- แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
- จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)
- ซิโนแวค (Sinovac)
ส่วนความเคลื่อนไหวด้านวัคซีนของนานาชาติ พบว่า ประเทศจีน เตรียมอนุมัติวัคซีนโควิด-19 จากต่างชาติ เช่น ไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNtech) ก่อนเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นวัคซีนชนิดแรกจากผู้ผลิตต่างชาติ โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการทบทวนข้อมูลการทดสอบทางคลินิก และคาดว่าจะอนุมัติวัคซีนดังกล่าวในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้า
โดย ไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNtech) ตกลงร่วมมือกับบริษัทเซี้ยงไฮ้ โฟซัน ฟาร์ มาเพื่อส่งมอบวัคซีน 100 ล้านโดสให้กับจีนภายในเดือนธันวาคมนี้
สหราชอาณาจักร อนุญาตให้หญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนของ ไฟเซอร์ (Pfizer) และ โมเดอร์นา (Moderna) โดยหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 90,000 คนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วโดยไม่มีความกังวลแต่อย่างใด
สหรัฐอเมริกา ผู้บริหารไฟเซอร์ ไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer/BioNtech) ออกมาระบุว่า อาจมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดโดสที่ 3 ภายในช่วง 12 เดือน เนื่องจากภูมิคุ้มกันจะลดลง และมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกปี
ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงเชื่อมั่นในวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
ที่มา สถาบันวัคซีนแห่งชาติ / รอยเตอร์ / CNBC