รพ.กรุงเทพ ย้ำชัด ยังไม่เปิดจองวัคซีนโควิด-19
คนแห่จอง “วัคซีนทัวร์” บินไปฉีดวัคซีนโควิด
“วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา” วัคซีนทางเลือกความหวังใหม่ของไทย
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยที่ยังไม่ทุเลาลงทำให้ “วัคซีนโควิด-19” เป็นตัวเอกสำคัญที่ประเทศไทยต้องหาทางนำเข้ามาฉีดให้ได้มากที่สุด
โดยปัจจุบัน ประเทศไทยมีการจัดหาวัคซีนได้แล้วราว 63-65 ล้านโดส ต้องการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ คือ 50 ล้านคน ต้องใช้วัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส จึงต้องจัดหาเพิ่มเติมอีก 35-37 ล้านโดส ซึ่งจะแบ่งเป็นภาครัฐ 30 ล้านโดส และภาคเอกชน 5-7 ล้านโดส
ข่าวดีล่าสุดของประเทศไทยท่ามกลางความกังวลถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคือ ขณะนี้องค์การอาหารและยา (อย.) กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา ให้เอกชนจัดซื้อไปได้ ซึ่งมี บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย คาดว่าจะขึ้นทะเบียนสำเร็จภายในเดือน พ.ค. นี้
นพ.เฉลิม หาญพานิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยว่า วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นานี้จะส่งให้กับเอกชน แต่เบื้องต้นการจัดซื้อจะต้องผ่านหน่วยงานของรัฐ ในที่นี้คือ องค์การเภสัช (อภ.)
“แล้วทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนก็จะเป็นตัวกลาง สำรวจความต้องการโรงพยาบาลเอกชนทั้งประเทศ ว่ามีความต้องการวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาเท่าไร แล้วก็ดูว่าในล็อตแรกจะได้วัคซีนมากี่โดสก็กระจายเฉลี่ย ๆ ไปให้แต่ละโรงพยาบาล” นพ.เฉลิมกล่าว
เขาเสริมว่า โรงพยาบาลเอกชนน่าจะได้วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาพร้อมกันทั้งหมด จะไม่มีโรงพยาบาลใดได้สิทธิพิเศษก่อน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบวัคซีนทางเลือกได้อย่างทั่วถึง ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ไทยยังต้องรอคำยืนยันจากผู้ผลิตอีกด้วยว่า จะจัดหาให้ประเทศไทยได้เท่าไร ถึง 5 ล้านโดสหรือไม่ และจะจัดส่งให้ได้เมื่อไร “ถ้าเขาบอกว่าได้ 2-3 แสนโดส ก็เอามาเฉลี่ยกันให้กระจายทั่วประเทศ”
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา นพ.เฉลิม กล่าวว่า วัคซนโมเดอร์นามีสเปกคล้ายกับไฟเซอร์ ในประเทศไทยมีกำหนดฉีดให้ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปถึงอายุ 60 ปี แต่กลุ่มเป้าหมายของวัคซีนทางเลือกจะแตกต่างกัน
“เพราะในกรอบตอนที่คุยกับนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยมีวัคซีนหลายยี่ห้อให้เป็นทางเลือก ซึ่งในส่วนที่เป็นภาครัฐบาลประชาชนสามารถฉีดได้ฟรี ภาคโรงพยาบาลเอกชนยินดีฉีดให้อยู่แล้ว ส่วนวัคซีนของโมเดอร์นา จะฉีดให้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเหมือนกัน แต่ถ้าใครคิดว่า ตัวเองมีความเหมาะสมก็สามารถฉีดได้ทุกที่” นายกสมาคมฯ บอก
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของวัคซีนทางเลือก คือข้อกำหนดจากถาครัฐว่า ต้องมีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยหรือชดเชยที่เหมาะสมกรณีเกิดอาการแพ้วัคซีน
ล่าสุดทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้ออกแบบ Liability Insurance หรือ การประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไว้
“เบี้ยกรมธรรม์ต่าง ๆ จะรวมอยู่ในค่าฉีดวัคซีนแล้ว หลักการคร่าว ๆ เบี้ยกรมธรรม์ น่าจะไม่เกิน 100 บาทต่อคน ครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาลและกรณีเสียชีวิต” นพ.เฉลิมกล่าว
ดังนั้นแล้วเวลามีผู้ใช้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 การจ่ายเงินจะครอบคลุมค่าวัคซีน ค่าบริการ และค่าประกันภัย อยู่แล้ว
นพ.เฉลิมบอกว่า ปัจจุบันวัคซีนรัฐบาลประกอบไปด้วย ซิโนแวค แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ สปุตนิกวี และน่าจะรวมถึงจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งครอบคลุมชนิดของวัคซีน 3 รูปแบบ คือ ชนิดเชื้อตาย (Inactivated) ชนิด mRNA และชนิดเวกเตอร์ ดังนั้น ภาคเอกชน นอกจากโมเดอร์นา ต่อจากนี้อาจพิจารณาซิโนฟาร์ม หรือยี่ห้ออื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในขณะนี้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกชนิดเช่นเดียวกับวัคซีนรัฐบาล
นพ.เฉลิมเน้นย้ำว่า โมเดอร์นาจะได้เข้ามาในไทยในไม่ช้าแน่นอน “เชื่อว่าตอนนี้รัฐบาลพยายามช่วยเหลือให้บริษัท หรือวัคซีนทางเลือกเข้ามาจดทะเบียน โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้า วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาน่าจะได้รับใบอนุญาต”
เช่นนี้แล้ว อาจมีความเป็นไปได้ว่า ประเทศไทยจะมีวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาเข้ามาสมทบภายในกลางปีนี้ ซึ่งต้องติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปว่า คนไทยจะได้ฉีกวัคซีน “แบบเลือกได้” นี้ เมื่อไร