มาแล้ว! ผลศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 “แอสตร้าเซเนก้า” และ “ซิโนแวค”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เปิดผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 “แอสตร้าเซเนก้า” และ “ซิโนแวค” พบมีประสิทธิภาพดี มีภูมิต้านทานขึ้น

เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” เผยแพร่ผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 “แอสตร้าเซเนก้า” และ “ซิโนแวค” พบว่ามีประสิทธิภาพดี มีภูมิต้านทานขึ้น

โดยข้อมูลการศึกษาจาก ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า จากการศึกษากลุ่มตัวอย่าง “ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่หายดี” จำนวน 263 ราย พบ 243 ราย หรือ 92.4% เกิดแอนติบอดีโดยธรรมชาติในประมาณ 4-8 สัปดาห์ และพบว่ามีปริมาณแอนติบอดีเฉลี่ย 60.9 ยูนิตต่อมิลลิลิตร

เทียบชัดวัคซีนโควิด-19 2 ยี่ห้อ ซิโนแวค และ แอสตร้าเซเนก้า

"หมอยง" เผย "ซิโนแวค-แอสตร้าฯ" สร้างภูมิต้านโควิด-19 ได้ดี

ผู้เชี่ยวชาญย้ำ วัคซีนโควิด-19 ทุกยี่ห้อไม่ด้อยไปกว่ากัน

ขณะที่จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า 73 ราย พบว่าหลังฉีด “เข็มแรก” 4 สัปดาห์ มี 71 ราย หรือ 97.26% เกิดแอนติบอดี ปริมาณที่พบเฉลี่ย 47.5 ยูนิตต่อมิลลิลิตร

เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า จำนวน 98 ราย ที่ไม่พบรายใดเลยที่มีการสร้างแอนติบอดีสูงขึ้น พบแอนติบอดีเฉลี่ย 0.4 ยูนิตต่อมิลลิลิตร ก็ทำให้พอจะสรุปผลได้ว่า วัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า ทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีได้สูงขึ้น

จากนั้นเมื่อศึกษาการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า “แยกตามเพศ” พบว่า หลังฉีดเข็มแรก 4 สัปดาห์ จากกลุ่มตัวอย่างเพศชายที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 31 ราย มีอยู่ 29 ราย หรือ 93.55% เกิดการสร้างแอนติบอดี ปริมาณแอนติบอดีเฉลี่ย 32.9 ยูนิตต่อมิลลิลิตร และศึกษาในเพศหญิง 42 ราย พบทั้ง 42 ราย หรือ 100% มีการสร้างแอนติบอดี ปริมาณแอนติบอดีเฉลี่ย 62.3 ยูนิตต่อมิลลิลิตร

เมื่อศึกษาการฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า “แยกตามช่วงอายุ” พบว่า หลังฉีดเข็มแรก 4 สัปดาห์ จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18-59 ปีที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 44 ราย ทั้ง 44 ราย หรือ 100% เกิดการสร้างแอนติบอดี ปริมาณแอนติบอดีเฉลี่ย 67.2 ยูนิตต่อมิลลิลิตร และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 29 ราย พบ 27 ราย หรือ 93.11% มีการสร้างแอนติบอดี ปริมาณแอนติบอดีเฉลี่ย 28.1 ยูนิตต่อมิลลิลิตร

ส่วนผลศึกษาการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซิโนแวค พบว่า หลังฉีดเข็มแรก 3 สัปดาห์ จากกลุ่มตัวอย่าง 188 ราย มีอยู่ 124 ราย หรือ 65.96% เกิดการสร้างแอนติบอดี ปริมาณแอนติบอดีเฉลี่ย 1.9 ยูนิตต่อมิลลิลิตร

เมื่อศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 197 รายที่ฉีด “เข็มที่สอง” ไป 4 สัปดาห์ มี 196 ราย หรือ 99.49% เกิดแอนติบอดี ปริมาณที่พบเฉลี่ย 85.9 ยูนิตต่อมิลลิลิตร โดยในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน 356 ไม่เกิดการสร้างแอนติบอดี มีปริมาณแอนติบอดีเฉลี่ยเพียง 0.4 ยูนิตต่อมิลลิลิตร

นี่คือผลการศึกษาเบื้องต้นที่อาจสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนร่วมออกมาใช้สิทธิ์รับวัคซีนโควิด-19 กันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาอยู่ในหลักสิบและหลักร้อย จึงอาจยังต้องมีการศึกษาในระดับที่ใหญ่ขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ