สุทธิชัย หยุ่น : ยุทธศาสตร์วัคซีน ต้องมีทั้ง "ดึงและดัน" 


โดย PPTV Online

เผยแพร่




"สุทธิชัย หยุ่น" วิเคราะห์ เมื่อวัคซีนร่วม 4 ล้านโดสมาถึงในอีก2สัปดาห์ แผนปูพรมฉีด กระจายวัคซีน อำนวยความสะดวกให้คนได้รับวัคซีนโควิด จึงเป็นโจทย์ใหญ่

ผมเชื่อว่าก่อนสิ้นเดือนนี้ เราจะมีวัคซีนประมาณ 4 ล้านโดส เดือนหน้ามิถุนายน จะมีถึง 10 ล้านโดส ตามแนวทางที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้

ซิโนแวค จะมาส่งประมาณ 2 ล้านโดส จากนี้ถึงสิ้นเดือน จีนก็จะส่งอีก 5 แสนโดส บริจาคจากรัฐบาลจีน

แอสตร้าเซเนก้า ทราบว่าเร่งการผลิต เดิมทีจะออกในเดือนมิถุนายน ประมาณ 6 ล้านโดส แต่ว่าเมื่อไปเร่งแล้วตัวเลขที่ได้ยินตอนนี้คือ 1.7 ล้านโดส หมายความว่าจากนี้อีก 2 สัปดาห์ ถึงสิ้นเดือนนี้ เราจะมีวัคซีนโควิด ประมาณ 4 ล้านโดส

สุทธิชัย หยุ่น : การทูตวัคซีนในไทย

“ทูตจีน”รับปาก สิ้นพ.ค.ไทยมีซิโนแวค 6 ล้านโดส

"อนุทิน" เผยจัดหาวัคซีน โควิด-19 เพิ่มอีก 50 ล้านโดส

 

ดังนั้นน่ายินดี ถ้าหากมีแผนของการปูพรหม ฉีดคนบางกลุ่ม กลุ่มเสี่ยง ชุมชน และคนบ้างอาชีพ

ปูพรมที่แปลว่าลุยเข้าไปในเขต จุดใด ปักหมุดเลย

สองก็คือ "วอล์กอิน" มีจุดอำนวยความะดวกที่จะสามารถเข้าถึง ที่ใกล้บ้าน มีชื่อ มีบัตรประชาชน ได้ฉีด ซึ่งแน่นอนว่าต้องลงรายละเอียด ต้องไม่ให้เกิดความสับสน นี่คือแนวทางที่เชื่อว่าเป็นการกระจาย ให้ความสะดวก นั่นคือการ Push ออกไป ให้ประชาชนมีจุดของความสะดวก 

และมื่อเกิดความมั่นใจหลังจากฟังคุณหมอ พูดถึงหลักวิชาการ ไม่พูดถึงการเมือง ไม่พูดถึงดราม่า ฉีด ปลอดภัยว่าไม่ฉีดแน่นอน

เมื่อ Push ออกไปแล้ว จัดจุดอำนวยความสะดวก ก็ต้องมีการ Pull

สร้างแรงจูงใจ ดึงให้คนมาฉีดวัคซีนมากที่สุด

แรงจูงใจอย่างนี้ก็ต้องใช้แรงคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมทางความคิด 

เช่นในสหรัฐอเมริกา มีอย่างน้อย 3 อย่างที่ทำ

อย่างแรก จาก "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ Uber และ Lyft ซึ่งให้บริการรถ เหมือนแท็กซี่เอกชน ให้บริการรับส่งคนไปฉีกวัคซีนและกลับบ้านฟรี โดยไบเดนไปทำความตกลงไว้ นี่คือแรงจูงใจอย่างที่ 1

อย่างที่ 2 ผู้ว่าการรัฐ บางรัฐ แจกล็อตเตอรีเลย ใครไปปฉีดวัคซีนก็จะให้เบอร์ แล้วเบอร์นั้นมีการลุ้นออกล็อตเตอรี รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 30 ล้านบาทไทย และไม่ใช่รางวัลเดียว มี 5 รางวัล นี่ก็เป็นแรงจูงใจอีกด้านหนึ่ง ดึงเข้ามา

Push ออกไปให้มีความสะดวก Pull เข้ามาคือสร้างแรงจูงใจให้เข้ามาฉีดวัคซีน

อย่างที่ 3 ล่าสุด Centers for Disease Control and Prevention (CDC) หรือ ศูนย์ควบคุมโรคของอเมริกา ประกาศว่าใครที่ฉีดครบโดส ไม่ต้องใส่หน้ากาก ไม่ว่าอยู่ในบ้าน หรือนอกบ้าน ในสถานที่ส่วนใหญ่ 

นี่คือสิ่งที่ต้องคิด 

ทั้งด้าน ให้คนฉีดในจุดที่เขาสะดวก กระจายให้กว้างไกลที่สุด

ด้าน 2 ให้ดึงคนโดยมีแรงจูงใจ ที่ทำให้คนรู้สึกว่า ทั้งสนุก ทั้งได้ลุ้น และที่สำคัญที่สุด "ปลอดภัย"

นี่คือสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นมาตรการต่างๆที่ทางการของเรา เริ่มจะคิดลงรายละเอียด

อะไรที่ผ่านมาที่ยังสับสนบ้าง ที่ยังไม่ได้มีการบูรณาการบ้าง แล้วก็แล้วไป

"เราต้องมองไปข้างหน้า อนาคตเราต้องฉีดวัคซีน ไม่ต่ำกว่า 70% ของประชากร ยิ่งเร็วยิ่งดี และฟังคำอธิบายของหมอด้านวิชาการ  วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่มีเคสนึงสองเคส แล้วกลายเป็นว่าเรากลัวไปทั้งหมดเลย" 

"เพราะว่าหลายประเทศพิสูจน์แล้ว ยิ่งประชาชนพร้อมจะฉีด ยิ่งประชาชนมีจำนวนที่ได้รับการฉีดวัคซีนมากเท่าไหร่ เร็วเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรามีภูมิต้านทานหมู่ได้เร็วแค่นั้น  และเราสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็ว นักท่องเที่ยวกลับมา เราสามารถที่จะกลับไปทำงาน ธุรกิจที่กำลังย่ำแย่ ก็จะค่อยๆฟื้นขึ้นมา"

"ดังนั้นต้องมีทั้ง Push ทั้งPull ต้องกระจายจุดฉีดวัคซีน ต้องสร้างแรงจูงใจให้คนไทยฉีดวัคซีน คนไทยชอบแรงจูงใจ ผมเชื่อว่าหลายท่านในรัฐบาลในศบค.กำลังคิดอยู่ ผมเชื่อ จะมีมาตรการนี้ออกมาในเร็ววันนี้ครับ" สุทธิชัย หยุ่น

 

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ