ศาสตราจารย์ Teo Yik Ying แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เปิดเผยว่า การขยายตัวของคลัสเตอร์โควิด-19 ณ สนามบินชางงีเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ แพร่กระจายไปและสร้างความเสี่ยงให้กับพื้นที่ในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ตรวจคนเข้าเมือง สายพานลำเลียง พื้นที่ร้านอาหาร และมีแนวโน้มว่าจะกระจายไปยังชุมชน และการแพร่กระจายครั้งนี้สิ่งที่น่ากังวลคือ เป็นโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย
ยูเอ็นเตือน ผู้ต้องขังทั่วโลกกว่า 5 แสนรายติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
ส่องรอบบ้าน "อาเซียน" แผนจัดหาวัคซีนยี่ห้ออะไรกันบ้าง
ต่อมามีแถลงการณ์จากกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่า สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อในประเทศแบบไม่ทราบแหล่งที่มาแน่ชัดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ มีคำสั่งล็อกดาวน์รอบใหม่ทันที โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.นี้ ไปจนถึงวันที่ 13 มิ.ย. ทางการยังจำกัดจำนวนผู้ที่จะมาเยี่ยมครัวเรือนทั้งหมดไม่ให้เกิน 2 คนต่อครั้ง จาก 5 คนในปัจจุบัน ลดจำนวนคนตามห้างสรรพสินค้าและโชว์รูม ลดจำนวนพนักงานตามสถานที่ต่างๆ ให้ปฏิบัติงานในสถานที่นั้นได้ไม่เกิน 25% จากเดิม 50% ห้ามจัดงานแต่งงาน ขณะที่หากจัดการประชุมและการแสดงสดก็อนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมได้ไม่เกิน 100 คนในกรณีที่มีการตรวจสอบก่อนเข้างาน แต่หากไม่มีการตรวจสอบก่อนเข้างานอนุญาตให้เข้าร่วมงานได้ไม่เกิน 50 คน รวมถึงการสนับสนุนให้ทำงานที่บ้าน หรือ Worh From Home
สิงคโปร์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 24 คนเมื่อวันศุกร์ที่ 14 พ.ค.64 กว่าครึ่งนั้นมาจากคลัสเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้านจากสนามบินชางงี ขณะที่ก่อนหน้านี้โดยทางการสิงคโปร์จำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพราะหากหลุดรอดไปเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้โรคระบาดถึงขั้นควบคุมไม่ได้ ซึ่งการยกระดับการควบคุมครั้งนี้เทียบเท่ากับปีที่แล้ว
การกลับมาระบาดหนักของโควิด-19 ในสิงคโปร์ยังส่งผลต่อแผนการดำเนินนโยบาย “ฟองอากาศการเดินทาง” (Travel Bubble) ที่มีการพูดคุยไว้กับฮ่องกง ซึ่งอาจจะต้องเลื่อนการดำเนินการจากกำหนดเดิมที่จะเริ่มในวันที่ 26 พฤษภาคมออกไปอีกสักระยะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายวางแผนที่จะเริ่มโครงการดังกล่าวในวันที่ 26 พ.ค. แต่โครงการนี้ก็ต้องพบกับอุปสรรคหลายต่อหลายครั้งจนต้องเลื่อนกำหนดการออกไป จากความตั้งใจแรกที่จะเปิดโครงการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน พ.ย. 2563
กระทรวงคมนาคมสิงคโปร์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เนื่องจากเราพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยที่แต่ละเคสไม่ได้เชื่อมโยงกัน สิงคโปร์จึงไม่สามารถเริ่มโครงการดังกล่าวได้ "
การพุ่งขึ้นของอัตราการติดเชื้อในสิงคโปร์ถือว่าเป็นเหมือนความล้มเหลวของมาตรการการควบคุมโรคของประเทศที่เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่เคยประกาศว่าเป็น “สวรรค์ปลอดโควิด” เพราะเกือบกำจัดเชื้อที่ระบาดในประเทศได้เกือบหมด
เรียบเรียงจาก : Bloomberg