นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO เปิดเปยผ่านการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) ครั้งที่ 74 ผ่านระบบออนไลน์ วานนี้ (25 พ.ค.64) มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือตัวเลขของด่านหน้าสู้โควิด-19 ทั่วโลก ทั้งทีมแพทย์ พยาบาล ที่ระดมกำลังช่วยมนุษยชาติฝ่าฟันวิกฤตโควิด -19 มาตลอดกว่า 1 ปี ครึ่ง และโลกก็สูญเสียบุคลากรเหล่านั้นไปแล้วไม่ต่ำกว่า 115,000 ราย
คลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้างนนทบุรี ลุยตรวจเชิงรุก คนงานกว่า 1,700 คน
พบ คลัสเตอร์ใหม่ แคมป์คนงานก่อสร้างรัฐสภา ติดเชื้อโควิด 515 ราย
"ตลอดระยะเวลาเกือบ 18 เดือนที่ทีมแพทย์ทั่วโลก อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นกับความตาย พวกเขาช่วยชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วนและต่อสู้เพื่อคนอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็จากเราไป "
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของวิกฤตการแพร่ระบาดบุคลากรทางการแพทย์หลายคนรู้สึกผิดหวังหมดหนทางและไม่ได้รับการปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือ แม้กระทั่งวัคซีน หลายคนติดเชื้อในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถือว่าเป็นแลกด้วยชีวิตเพื่อดูผู้อื่น
เขากล่าวว่านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวิกฤตบุคลากรทางการแพทย์หลายคนรู้สึก "ผิดหวังหมดหนทางและไม่ได้รับการปกป้องโดยขาดการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันรวมถึงวัคซีนในปัจจุบัน"
ความไม่เท่าเทียมของการกระจายวัคซีนถูกหยิบยกมาพูดเช่นกัน โดยเขาระบุว่า มากกว่า 75% ของวัคซีนทั้งหมดอยู่ในมือของ 10 ประเทศที่กุมชะตากรรมของคนที่เหลือทั่้งโลก ทั้งที่เขาเชื่อว่าปริมาณวัคซีนในขณะนี้มีเพียงพอที่จะฉีดให้บุคคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุทั่วโลก
แต่จากข้อมูลของ Our World in Data พบว่ามีการฉีดวัคซีนมากกว่า 1.6 พันล้านโดสทั่วโลก แต่มีไม่ถึง 600 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร อิสราเอล และแคนาดา ในขณะที่จีนฉีดแล้วมากกว่า 510 ล้านโดส ท่ามกลางสถานการณ์ ณ วันนี้ยังคงอยู่ในจุดที่ล่อแหลม จากแนวโน้มผู้เสียชีวิตที่ใกล้แซงหน้าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้า
ดังนั้น เขาจึงได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการยุติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และป้องกันการเกิดการระบาดรอบใหม่ด้วยการสร้างโลกที่มีความปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดีมากขึ้น
โดยเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกของ WHO ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชากรจำนวนอย่างน้อย 10% ในทุกประเทศภายในเดือนก.ย. และอย่างน้อย 30% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงการฉีดวัคซีนจำนวน 250 ล้านโดสให้แก่ประชากรในประเทศที่มีรายต่ำและรายได้ปานกลางภายในเวลาเพียง 4 เดือน
เรียบเรียงจาก : euronews / channelnewsasia
