กรณีที่ น.ส.นริลิน อ่างทอง อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดยะลา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม จากอาการเลือดอุดตันในปอด โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ผู้เสียชีวิตได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่จังหวัดสงขลา ล่าสุด กรมควบคุมโรคออกคำชี้แจง ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ในการสอบสวนโรค และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง กรมควบคุมโรค ออกมาอธิบายถึงภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary embolism) ให้ชีดเจนมากขึ้น ว่า
บุคลากรการแพทย์เทกซัสฟ้องร้องโรงพยาบาล เหตุบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19
นพ.ยง แจง วัคซีนโควิด-19 กับ ฮอร์โมนเพศหญิง ยาคุมกำเนิด สตรีตั้งครรภ์
ภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary embolism) เกิดจากที่มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดดำ และหลุดไปอุดที่หลอดเลือดปอด (Venous thromboembolism : VTE) เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจ หอบ เหนื่อย อย่างเฉียบพลัน และทำให้มีอัตราป่วยตายสูงได้ถึงร้อยละ 30 จากฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่เก็บข้อมูลผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันในปอด ระหว่างปี 2559-2563 พบว่า
ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคดังกล่าวประมาณปีละ 12,900-26,800 ราย คิดเป็นอัตราการป่วยประมาณ 200-400 รายต่อประชากรหนึ่งล้านคน
โดยปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ คือ พันธุกรรม ภาวะโรคมะเร็ง การไม่เคลื่อนที่เป็นเวลานานๆ การกินยาคุมกำเนิดหรือการได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมน เป็นต้น โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนใดๆ
ขณะเดียวกัน ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโรคยังพบว่า ผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดภายหลังการได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ที่ 4,575 ราย จากการฉีดกว่า 1,800 ล้านคน (ร้อยละ 2.5 ต่อประชากรล้านคนที่ได้รับวัคซีน) ถือว่าต่ำกว่าอัตราการเกิดมในผู้ไม่ได้รับวัคซีนอย่างมาก
ส่วนกรณีที่เป็นวัคซีนซิโนแวค มีรายงานพบ 7 รายจากการฉีดไปมากกว่า 200 ล้านโดส และไม่พบสัญญาณที่บ่งชี้ว่าผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 มีโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดสูงขึ้นหรือวัคซีนเป็นสาเหตุโดยตรง
รวมถึงการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการฉีดวัคซีนของคนไทยมากกว่า 2 ล้านโดสไม่มีรายงานผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันในปอด
ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ฉีดซิโนแวคต่อไปได้ และผู้ที่มารับบริการไม่จำเป็นต้องหยุดใช้ยาคุมกำเนิด เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน
แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น ปวดบวมขา ให้ปรึกษาแพทย์โดยเร็ว