เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า จากกรณีที่ทาง ศบค. ได้เปิดแผนการกระจายวัคซีนให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ กทม. ที่คาดว่าอาจจะได้ 1 ล้านโดส ในล็อตแรก แต่ข้อมูลล่าสุดจาก นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะได้จำนวนเท่าไหร่ และเมื่อไร เพราะยังรอคอยการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขอยู่
สธ.รับ “แอสตราเซเนกา” เริ่มไม่พอบางพื้นที่ ขอรอเข็มสองไปก่อน ยันฉีดเข็มแรกเพียงพอแล้ว
สภาอุตฯ เตรียมสั่งจองซิโนฟาร์มแล้ว 3 แสนโดส
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยระหว่าง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามบุษราคัม ว่า แผนการกระจายวัคซีนได้ถูกกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่สนับสนุนการกระจายตามออเดอร์ที่ถูกร้องขอมาเท่านั้น
ทั้งนี้ ในกรณีที่ กทม.ยังไม่ทราบจำนวนตัวเลขที่ชัดเจน และวันแน่ชัด ว่าเมื่อไหร่จะได้รับการจัดสรรวัคซีนแจกจ่ายในพื้นที่ นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า ทางกทม. จะส่งคำร้องขอมาทาง ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขก่อน เพราะ กทม. ไม่มีหน้าที่บริหารจัดการวัคซีนเอง ถ้าหากทำเรื่องมาแล้ว ก็ต้องรอคอยตามระยะเวลา ไม่ใช่ขอ 1 ล้านโดส แล้วจะส่งให้ทันที ต้องมีแผนจัดสรรการฉีด ชี้แจงจำนวนคน และพื้นที่ เนื่องจากวัคซีนที่กำลังกระจายไป 76 จังหวัด ต้องใช้เวลาในการจัดส่ง และตอนนี้เป็นเพียงแค่ต้นเดือน ยืนยัน ทยอยจัดส่งทันใช้ในเดือนมิถุนายนแน่นอน
ในขณะที่ภายหลังซิโนแวค ได้รับการรับรองจาก WHO นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดี ที่สร้างความมั่นใจต่อประชาชน ว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพที่ดี ทำให้อย่างน้อยในประเทศยังมีวัคซีนรองรับการฉีดอยู่2 ชนิด นอกจากนี้มีความคืบหน้าเจรจาวัคซีนชนิดอื่นๆต่อเนื่อง ที่กำลังจะทยอยเข้ามาโดยเฉพาะวัคซีนไฟเซอร์ที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาการอนุมัติอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
จากนั้น เวลาราวๆ 13.00น. ที่ผ่านมา ก็มีการแถลงข่าวของปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ยืนยันว่า ได้กระจายวัคซีนตัวหลัก ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ไปให้ทุกจังหวัดแล้ว และกระจายต่อเนื่อง จนถึงสัปดาห์นี้รวม 2 ล้านโดส แต่การกระจายจะให้ในพื้นที่ห่างไกลก่อน บางพื้นที่ยังอยู่ระหว่างขนส่ง มั่นใจ 7 มิ.ย.นี้ ทุกจังหวัดจะมีวัคซีนฉีดให้ประชาชน ซึ่งโดยตลอดเดือนมิถุนายนจะมีวัคซีนจัดส่งไปประมาณ 5-6 ล้านโดส ซึ่งจังหวัดที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 มากกว่าจะได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่สูงกว่าจังหวัดที่มีการระบาดน้อย และพื้นที่จำเพาะตามนโยบายด้วย เช่น พื้นที่ท่องเที่ยว เป็นต้น
หลังแถลงดังกล่าว ถัดมาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง หรือราว 15.00 น. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ออกประกาศเช่นเดียวกัน ผ่านเฟซบุ๊กของ ราชวิทยาลัยฯ ระบุว่า
เนื่องจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไม่ได้รับการจัดสรร “วัคซีนหลัก” (ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า) เพื่อให้บริการอีกต่อไป โรงพยาบาลจุฬาภรณ์จึงต้องขออภัยทุกท่านที่ไม่สามารถให้บริการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับผู้ที่ได้ลงทะเบียนผ่านระบบราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนเป็นต้นไป
ส่วนผู้ที่มีปัญหาในการหาสถานที่ลงทะเบียนที่อื่นและยังมั่นใจประสงค์ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยฯ จะพยายามอย่างเต็มความสามารถในการหาวัคซีนอื่นที่มีคุณภาพมาให้บริการเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามพระปณิธานขององค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ท่านยังสามารถมารับการฉีดเข็มที่สองได้ตามนัดหมาย
ด้านความเคลื่อนไหว การจัดซื้อวัคซีนโดยใช้เงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ล่าสุด นนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมไปยื่นร้องเรียนกับ ทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ศุกร์นี้ เวลา 10.00น.
เพื่อเพื่อให้สอบสวนไต่สวนเอาผิด พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เหตุขัดขวางการจัดหาวัคซีนของ อปท. ทั้งๆ ที่ อปท. ไม่ได้จัดซื้อจากผู้ผลิตโดยตรง แต่ซื้อผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ก็ออกมาระบุว่าสามารถทำได้