สรุปให้วัคซีนบูสเตอร์กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก่อน ส่วน ปชช. แนะควรห่างจากเข็มสอง 6 เดือน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ศบค. สรุปให้วัคซีนบูสเตอร์ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก่อน พร้อมแนะการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ต่างชนิดกัน และห่างจากเข็มสอง ภายใน 6 เดือน

ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.  เปิดเผยถึง สถานการณ์ "วัคซีนโควิด 19" ระบุว่า ได้ข้อสรุปสำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 บูสเตอร์ (กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) ว่า กลุ่มแรกที่จะได้รับ คือ

"หมอไม่ทน" ชวนติดโบว์ดำ สวมเสื้อดำทั้งประเทศ เรียกร้องนำเข้าวัคซีน mRNA

เร่งลงนามสัญญาซื้อขายกับ บ.ซิลลิค สั่งซื้อโมเดอร์นา หลังผ่าน อสส.แล้ว

กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนคน และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง  ซึ่งหากวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่ได้จากสหรัฐมาไม่ทัน จะนำแอสตร้าเซเนก้ามาฉีดให้ก่อน แต่ถ้าวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสมาเร็วก็จะฉีดให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก่อนเช่นกัน

 

 

เนื่องจากว่า กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์  ตอนนี้ซึ่งได้รับวัคซีนซิโนแวค ครบแล้ว 2 เข็ม และมีระยะห่างจากเข็มที่สอง  3-4 เดือนพอดี จึงเหมาะสมที่จะได้รับเข็มบูสเตอร์ก่อน เพื่อเป็นด่านหน้าในการรับมือกับสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย)

" ตอนนี้ภูมิคุ้มกันมันตกเร็วในทางการแพทย์เท่าที่มีข้อมูล ต้องฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (บูสเตอร์) ตัวอย่าง บ้านเราซิโนแวคฉีด 2 เข็ม ใน 3-4 เดือนต้องการ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน (บูสเตอร์) แน่นอน และตอนนี้วัคซีนซิโนแวค กลุ่มที่ได้รับคือ บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งห่างจากเข็มสอง   3-4 เดือนพอดี กลุ่มนี้จึงต้องได้กระตุ้นภูมิคุ้มกัน (บูสเตอร์)  อาจจะเป็นแอสตร้าเซเนก้า หรือ วัคซีนชนิด mRNA "

ส่วนการฉีดวัคซีนต่างชนิดกันเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันสูงมากในการรับวัคซีนต่างชนิดกัน ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นายแพทย์อุดม อธิบายหลักการสำคัญ คือ สมมุติได้เข็มหนึ่งแล้ว ให้ไปฉีดเข็มสองตามกำหนด เช่น ถ้าฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข็ม 1 กับ เข็ม 2 ห่างกัน 3 เดือน  แนะนำอย่าเพิ่งไปจองวัคซีน mRNA เพราะถ้าพูดจากหลักวิชาการ เพราะจะได้ mRNA รุ่นเก่า ที่พัฒนามาจากสายพันธุ์ดั้งเดิม 

ดังนั้น ถ้าฉีด วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ครบ 2 เข็ม  เว้นอีก 6 เดือน แนะนำให้ บูสเตอร์โดส (กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จะเป็ฯแอสตร้าเซเนก้าเดิม หรือ mRNA ก็ได้ถึงช่วงเวลานั้นจะได้วัคซีนรุ่นใหม่ ซึ่งฤทธิ์ข้างเคียงจะน้อยลง ความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งตามการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกฟร์อด พบว่า ฉีดแอสตร้า 2 เข็ม เว้น 6 เดือน ฉีดบูสเตอร์โดส (กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จะเพิ่มขึ้น 6 เท่า และปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงมากมาย 

ถ้าฉีด วัคซีนซิโนแวค ครบ 2 สองเข็ม ควรบูสเตอร์โดสใน 3-4 เดือน จะเป็น แอสตร้าเซเนก้า หรือ ไฟเซอร์ โมเดอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี mRna  แต่ตรงนี้สำหรับประชาชนทั่วไปต้องรอผลการศึกษาจาก คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และคณะแพทย์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งกำลังทำการศึกษาคาดว่าจะรู้ผลในอีก 1 เดือน

ดังนั้น โดยสรุปคือ เท่าที่ทีมแพทย์มีข้อมูล การบูสเตอร์โดส (กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จะใช้เฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูงที่ไปสัมผัส หรือไปเสี่ยงกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งกลุ่มแรก คือ  บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มสองผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

“ บูสเตอร์โดสมีความสำคัญแน่นอน แต่ท่านทั้งหลายกรุณาอย่าไปลดประสิทธิภาพวัคซีนซิโนแวค เพราะถึงอย่างไรก็สามารถมันลดเจ็บป่วยรุนแรง และเสียชีวิตได้ จากนั้นต่อไปก็พิจารณาบูสเตอร์ ใน อีก 6 เดือนข้างหน้า”

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ