แถลงการณ์หมอไม่ทน เรื่อง ร่วมแสดงพลัง ติดโบว์ดำ สวมเสื้อดำทั้งประเทศ วันพุธที่ 7 กรกฏาคม 2564 จากเหตุการณ์เอกสารการประชุมเฉพาะกิจร่วมระหว่างคณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค คณะทํางานวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ซึ่งเป็นการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ในมติไม่ได้มีการพูดถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเข็ม 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้า
“โมเดอร์นา” เผย ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิด-19 น่าจะอยู่ได้อย่างน้อย 1 ปี
เร่งลงนามสัญญาซื้อขายกับ บ.ซิลลิค สั่งซื้อโมเดอร์นา หลังผ่าน อสส.แล้ว
แม้จะได้รับวัคซีนครบ แต่ยังมีการติดเชื่อโควิด-19 อยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนส่วนมาก ยังไม่ได้รับวัคซีนเเม้แต่เข็มแรก
หมอไม่ทนจึงขอเชิญชวนทั้งประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมสวมเสื้อดำ/ติดโบว์ดำ ในวันพุธที่ 7 กรกฏาคม 2564 เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ผู้ที่ติดเชื้อ COVID19 และผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด และยื่นข้อเรียกร้องต่อนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ ผอ. ศบค. ดังนี้
- นำเข้าวัคซีน mRNA ให้ได้เร็วที่สุด เเละนำมาใช้เป็นวัคซีนหลักในการป้องกันการระบาด โดยจะต้องเปิดเผยขั้นตอนการดำเนินการให้ประชาชนได้รับทราบ
- นำวัคซีน mRNA เป็นวัคซีนฉีดกระตุ้นเข็ม 3 แก่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ต้องการฉีดทุกท่าน
- เปิดเผยสัญญาการสั่งซื้อวัคซีน AstraZeneca และ Sinovac รวมถึงวัคซีนอื่นๆ ที่ทางรัฐบาลไทยจะทำสัญญาในอนาคต เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส และพิสูจน์ให้ประชาชนได้ทราบว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาการระบาดอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน
- เปิดเผยบันทึกการประชุมในการประชุมเรื่องวัคซีนและการบริหารจัดการการระบาด COVID-19 เป็นข้อมูลข่าวสารสาธารณะทั้งหมด
- COVID-19 สามารถแพร่กระจายผ่านอากาศ การสวม N95 จึงไม่เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อ รัฐจำเป็นต้องจัดหา FFP3 หรือ N99 เพื่อป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์
ทุกนาทีที่ล่าช้า คือชีวิตของประชาชน เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน พวกเราในฐานะบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนกำลังจับตาดูการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด