ภญ.ศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ว่า ขณะนี้ได้มีการจัดสรรโควต้าวัคซีนให้แก่โรงพยาบาลต่างๆทั้งสิ้น 285 แห่งไปแล้วและวันนี้ (16 ก.ค.) องค์การฯ จะได้เริ่มทยอยลงนามในสัญญาซื้อ-ขายและรับชำระเงินค่าวัคซีนจากโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยกำหนดลงนามและรับชำระเงินให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 หลังจากนั้นประมาณวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 องค์การฯจะลงนามในสัญญาซื้อ-ขาย กับบริษัทซิลลิค ฟาร์ม่า จำกัด ตัวแทนของโมเดอร์นา
องค์การเภสัชฯขายโมเดอร์นาให้เอกชน 1,100 บาทต่อโดส ล็อตแรก 3.9 ล้านโดส
อภ. เตรียมลงนามซื้อ-ขายวัคซีน “โมเดอร์นา” รพ.เอกชน 16 ก.ค.นี้
ซึ่งเป็นการลงนามในสัญญาได้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกัน รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อไปว่า วัคซีนโมเดอร์นา จำนวน 5 ล้านโดส ยังคงเข้ามาช่วงแรกไตรมาส 4 ปี 64 และไตรมาส 1 ปี 65
“ การเป็นหน่วยงานภาครัฐดำเนินการจัดหาวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นาครั้งนี้ เป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้น องค์การเภสัชกรรมคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ โดยมิได้มุ่งหวังแสวงผลกำไรจากการดำเนินการนี้ โดยนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม ได้มุ่งมั่น ทุ่มเท ดำเนินการในทุกภารกิจทั้งด้านยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการป้องกันต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขไทย เหมือนอย่างเช่นเหตุการณ์วิกฤติต่าง ๆที่เกิดขึ้นมาในอดีตที่ผ่านมา เพื่อให้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ “ รองผู้อำนวยการฯกล่าว
ขณะเดียวกัน แพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ด้กล่าวถึงภารกิจขององค์การเภสัชกรรมกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า องค์การฯไม่มีเหตุผลใดที่จะไปเตะถ่วงหรือทำให้การนำเข้าวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ช้า เราต้องการเห็นประเทศชาติรอดพ้นจากภัยคุกคามที่ร้ายแรงนี้เช่นเดียวกัน เราพยายามเสาะแสวงหาวัคซีน mRNA ในแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น วัคซีนโปรตีนซับยูนิต โดยทำงานร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้ เรื่องยารักษาโรค เราก็ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้เองได้รับทะเบียนจาก อย.แล้ว รวมทั้งยาใหม่ๆที่เป็น Trend การใช้ของต่างประเทศ อีกทั้งวัคซีนโควิดที่เราผลิตเองมีการวิจัยทดลองในมนุษย์เป็นแห่งแรกของประเทศ ซึ่งจะเริ่มการวิจัยในระยะที่ 2 ในเดือนหน้านี้ เรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นช่วงนี้ว่า เราพยายามชี้แจงมาตลอดเวลา องค์การฯได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนภาครัฐในการเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกให้บริษัทซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา เราอำนวยความสะดวกเต็มที่ องค์การฯต้องบริหารจัดการภายใต้แนวทาง “No profit No loss กำไรไม่ต้องพูดถึง อย่าขาดทุนก็พอ” เราทำงานร่วมกันกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีสมาชิกจำนวนมาก ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ จะเริ่มทยอยเซ็นสัญญาซื้อ-ขายและรับชำระเงินค่าวัคซีนจากโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นภายใน 21 กรกฎาคม นี้ เพื่อให้สามารถเซ็นสัญญากับบริษัทซิลลิคให้ได้โดยเร็วในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ โดยวัคซีน 5 ล้านโดสแรกจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้และไตรมาส 1 ปีหน้า เป็นไปตามไทม์ไลน์ ไม่ล่าช้า และน่าจะดำเนินการได้เร็วกว่ากำหนดการเดิมด้วย
“ในวิกฤตนี้สะท้อนการทำงานที่เต็มไปด้วยอุปสรรค เวลาและเงื่อนไขหลายอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว’ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ องค์การฯและเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ได้ย่อท้อและยังคงมุ่งมั่นเดินหน้า ทุ่มเททำงานกันต่อไป เพื่อให้ภารกิจนี้เสร็จสิ้น เพื่อให้มีวัคซีนทางเลือกมาฉีดให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว