เรื่องนี้เปิดเผยจาก นางสาวปภัสวดี พี่สาวของชายผู้ป่วย ซึ่งเล่าว่า เมื่อ 17 กรกฎาคม น้องชายมีอาการไข้ขึ้นสูงมาก โดยตรวจกับเครื่องวัดอุณหภูมิก่อนเข้าทำงานก็อยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส ทำให้ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ น้องสะใภ้จึงพาน้องชายไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลเอกชน ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ
เมื่อบอกอาการกับพยาบาลฝ่ายซักประวัติ พยาบาลได้ตอบกลับมาว่า " อาการเบื้องต้น คล้ายผู้ป่วยที่ติดโควิด แต่ถ้าติดก็ติดไปเนอะ ไม่เป็นอะไร" ซึ่งน้องชายสะดุดกับคำพูดของพยาบาลมาก
ชายวัย 47 ปีล้มฟุบเสียชีวิตคาร้านสะดวกซื้อ ส่งชันสูตรหาสาเหตุ
แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เพราะต้องเข้าไปพบหมอต่อ เมื่อหมอตรวจก็บอกว่า ไม่มีไข้ และออกใบรับรองแพทย์สรุปอาการของน้องคือ " ไข้หวัด "
จากนั้นน้องชายก็กลับมาบ้านที่อาศัยอยู่กับ แม่ น้องสาว และน้องสะใภ้ เพราะเชื่อหมอ ยังคงใช้ชีวิตปกติกับคนในครอบครัว ผ่านมา2-3วัน อาการน้องก็ยังไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจพากันไปตรวจโควิดที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ในวันที่ 22 กรกฎาคม รอผลตรวจ 1 วัน พบว่าเป็นบวก แต่น้องสะใภ้ผลเป็นลบ ทำให้ที่บ้านต้องกักตัวอย่างจริงจัง และเมื่อทราบผลแน่ชัด คุณแม่จึงไปตรวจ เช่นเดียวกันและทราบผลวันที่ 24 กรกฎาคม ว่าผลที่เป็นบวก เหมือนกับน้องชาย
จึงอยากถามโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ว่าเหตุใดจึงละเลยไม่รอบคอบการตรวจหาเชื้อโควิดให้น้องชายจนทำให้คนในครอบครัวต้องติดเชื้อ ไปด้วย และขณะนี้ผู้ป่วยติดเชื้อทั้ง 2 คนอยู่ระหว่างรอเตียงยังไม่ได้เข้ารับการรักษาแต่อย่างใด สอบถามไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม และติดต่อไปทุกช่องทางที่พอจะประสานหาเตียงได้แต่ทุกที่บอกว่าเตียงเต็ม ยังไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้
ทีมข่าวติดต่อทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ซึ่งทางผู้บริหารระบุว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบและจะชี้แจงข้อเท็จจริงในวันพรุ่งนี้