แม้จะเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิ-19 ชนิด mRNA ในเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้วและเร็ว ๆ นี้ นักเรียนกลุ่มเสี่ยงสังกัดกรุงเทพมหานคร อายุตั้งแต่ 12 - 18 ปี และเด็กอีก 5 ล้านคนจะได้รับวัคซีน แต่ก็ยังมีความกังวล ถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นในเด็ก หลังพบ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ต่างออกมาแนะนำว่า เด็กช่วงอายุ 12-17 ปี ควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีความปลอดภัยสูง หรือ วัคซีนชนิดเชื้อตาย เพราะมีความปลอดภัยมากกว่า
"กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ" ในเด็ก หลังฉีดไฟเซอร์ เจอ 1 รายในประเทศไทย
รพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย เปิดผลข้างเคียงวัคซีน ไฟเซอร์ ในเด็ก 12-18 ปี
หาคำตอบใครบ้าง!!ที่ควรและไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ระบุว่า การให้ mRNA วัคซีนในเด็กอายุ 12-17 ปี มีความเสี่ยงในการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
-ถ้าคำนึงถึงผลได้ ผลเสียในระยะเวลา 120 วัน เด็กอายุ 12-17 ปี ถ้าฉีดวัคซีน mRNA 1 ล้านคน จะป้องกันการเสียชีวิตในเด็กชายได้ 2 คน และถ้าเป็น เด็กหญิง 1 คน
-ถ้าฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 2 มีโอกาสเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กชาย 12-17 ปี จำนวน 59-69 คน เด็กหญิง 8-10 คน
ดังนั้น การให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเด็ก วัคซีนจะต้องมีความปลอดภัยสูงมาก จึงจะคุ้มค่า เพราะตัวเด็กเอง โดยเฉพาะวัยเรียนเป็นแล้วไม่รุนแรง นอกจากจะนำเชื้อมาสู่ผู้แก่ผู้เฒ่าที่บ้าน หรือทำให้เกิดการระบาดได้โดยเฉพาะในโรงเรียน ที่มีคนอยู่ร่วมกันมากๆ
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า เด็กเล็ก เด็กโตและวัยรุ่น ควรได้วัคซีนครบทุกคน โดยวัคซีนเชื้อตายจะมีความปลอดภัยมากที่สุด
-ควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบเชื้อตาย ทั้งเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2
-วัคซีน mRNA สามารถใช้เป็นบูสเตอร์โดสได้ แต่ฉีดเข้าใต้ผิวหนังแทนกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน