โดยธรรมชาติแล้วคนเราทุกคนมีลมอยู่ในทางเดินอาหารอยู่แล้ว ลมในทางเดินอาหารเกิดขึ้นจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป หรือเกิดขึ้นจากการกลืนอากาศเข้าไป เช่น การสูบบุหรี่ หรือการเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นต้น สำหรับอาหารที่ทำให้เกิดลมในทางเดินอาหาร ได้แก่ อาหารตระกูลถั่วทุกชนิด เช่นถั่วงอก ถั่วฝักยาวเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ เป็นต้น
ผักบางชนิดเช่นกะหล่ำปลี กะหล่ำดองบล็อคโคลี่ นม รำข้าว หรืออาหารที่มีสารอาหารกลุ่มแลคโตส สารทดแทนน้ำตาลเช่น ซอร์บิทอล น้ำอัดลมและเครื่องดื่มกลุ่มโซดา
ตดเหม็น ตดบ่อย เป็นอันตรายหรือไม่?
พยาบาลเตือนดื่มเหล้ามากเกิน! เสี่ยงแผลกระเพาะอาหาร อาเจียนเป็นเลือด
อย่างไรก็ตามมีกลุ่มโรคบางอย่างที่ทำให้มีลมในทางเดินอาหารมากกว่าปกติยกตัวอย่าง เช่น โรคลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน โรคกรดไหลย้อนโรคเบาหวานบางชนิด โรคตับอ่อนอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหาร แพ้นมหรือสารอาหาร เป็นต้น
“กรดไหลย้อน”โรคฮิตคนเมือง ระวัง!มะเร็งหลอดอาหาร-ลำคอ
การมีลมในทางเดินอาหารไม่ใช่ข้อสรุปว่าคุณป่วยด้วยโรคดังกล่าวหากรู้สึกไม่สบายใจแนะนำว่าควรไปพบแพทย์ในกรณี ดังต่อไปนี้
1. ลมในกระเพาะอาหารมีมากจนรบกวนการดำรงชีวิตทำให้เกิดความอับอาย เช่น เรอบ่อย หรือผายลมบ่อยเกินไป
2. มีความผิดปกติของทางเดินอาหารอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียน คลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องผูกโดยไม่ทราบสาเหตุ อาหารไม่ย่อย มีอาการแน่นท้องที่ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายมากๆ
3. มีเลือดปนมากับอุจจาระ
4. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
นอกจากทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมา หากรู้สึกไม่สบายใจ หรือมีความผิดปกติใดๆ อื่นๆ สามารถที่จะไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ คำปรึกษา รวมถึงตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อความสบายใจต่อไปได้