เป็นที่พูดถึงพอสมควรกับกรณีที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วมาเที่ยวไทยได้โดยไม่กักตัว ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. นี้เป็นต้นไป โดยจะเปิดให้เที่ยวพร้อมกันทุกเขต
พร้อมกันนี้ยังเตรียมเสนอที่ประชุม ศบค. ชงเปิดพื้นที่อื่น ๆ อีก 4 จังหวัด คือ ชลบุรี เชียงใหม่ เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ระบุจังหวัดเหล่านี้พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ต.ค.
กทม.เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว 15 ต.ค.ไม่ต้องกักตัว อีก 4 จังหวัดเปิด 1 ต.ค.นี้
ขอปลดล็อกขายเหล้า - เคอร์ฟิวรับท่องเที่ยว
ศบค.จ่อเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดโควิด 1 ต.ค. นี้ รับนทท.ช่วงไฮซีซั่น
แผนเสนอเปิดรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึง “ความพร้อม” ดังกล่าวว่าพร้อมจริงหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในจังหวัดเหล่านี้ซึ่งยังดูไม่สูงนัก
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ระบุว่า การเตรียมความพร้อมให้กับนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติในช่วงไฮซีซันที่กำลังจะมาถึงนี้ คือ
1. ต้องลงไปดูพื้นที่ก่อน เพื่อประกาศเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวปลอดภัยจากโควิด-19 หรือ Covid Free Tour Area Sandbox โดยมอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข กับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปพิจารณา สิ่งสำคัญคือต้องลงไปดูพื้นที่ก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เช่น พื้นที่เกาะ พื้นที่ที่มีสนามบิน สามารถตรวจผู้ที่จะเข้ามาได้อย่างชัดเจน
2. ต้องกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 ในพื้นที่นั้น ๆ และ ต้องได้รับความเห็นชอบ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความพร้อมของประชาชนในพื้นที่ด้วย ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อไม่มากนักสามารถควบคุมได้ จำนวนการฉีดวัคซีนเหมาะสมเพียงพอ
3. ขีดความสามารถในการรักษา เช่น มีเตียง มีทรัพยากรแพทย์ พยาบาล อยู่ในพื้นที่เพียงพอหรือไม่ ถ้าเกิดการระบาดขึ้นมาจะสามารถควบคุมโรค และสามารถนำผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาลได้เพียงพอ
โดยทั่วไป การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะนับว่าเป็นการฉีดที่ได้ครบสมบูรณ์ ได้มาตรฐาน และ/หรือมีประสิทธิภาพจริง ๆ จะนับกันที่ 2 โดส และต้องมีประชากรได้รับวัคซีน 2 โดสเกิน 70% จึงจะถือว่าเข้าเกณฑ์ นิวมีเดีย พีพีทีวี จึงจะพิจารณาเฉพาะตัวเลขการฉีดวัคซีนเข็ม 2 เท่านั้น
ข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 รายจังหวัดจากกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 14 ก.ย. พบว่า อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในจังหวัดที่อยู่ในแผนดังกล่าว ดังนี้
กรุงเทพมหานคร มีประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 แล้วจำนวน 2,918,560 หรือคิดเป็น 38% จากประชากรทั้งจังหวัด
ชลบุรี มีประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 แล้วจำนวน 491,044 หรือคิดเป็น 24% จากประชากรทั้งจังหวัด
เพชรบุรี มีประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 แล้วจำนวน 104,216 หรือคิดเป็น 20.7% จากประชากรทั้งจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ มีประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 แล้วจำนวน 114,477 หรือคิดเป็น 19.8% จากประชากรทั้งจังหวัด
เชียงใหม่ มีประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 แล้วจำนวน 308,397 หรือคิดเป็น 17.8% จากประชากรทั้งจังหวัด
คำถามคือ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เมื่อถึงกำหนดวันที่ 1 ต.ค. หรือ 15 ต.ค. สำหรับกทม. อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ที่จะมีการเสนอเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 70%
และแม้จะถึง 70% ก็ต้องตั้งคำถามอีกว่า พื้นที่เหล่านี้มีมาตรการเฝ้าระวังควบคุมโควิด-19 ที่ดีพอหรือยัง หรือหากจะเปิดจังหวัดโดยที่ยอดฉีดวัคซีนยังไม่ถึงไหน ก็ต้องหาทางสื่อสารให้ชาวต่างชาติได้มั่นใจในความปลอดภัย เพราะหากชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ แล้วเกิดติดเชื้อจากประเทศไทย ฝันที่วาดไว้สวยหรูจากการเปิดจังหวัด คงกลายเป็นฝันร้ายในชั่วพริบตาเดียว
ท้ายที่สุด หาก ศบค. เห็นชอบเปิดพื้นที่/จังหวัดดังกล่าวรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแม้อัตราฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มยังไม่ถึงเกณฑ์ แล้วเกิดการระบาดระลอกใหม่ขึ้นมา นั่นก็จะไม่ต่างอะไรจากการยิงดอกไม้ไฟ ที่ผลิบานสวยงามเพียงชั่วแวบเดียว แล้ววูบดับไปในไม่กี่อึดใจ
ฮ่องกงแนะฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก 12-17 ปี แค่เข็มเดียว ลดผลข้างเคียง
2 แบงก์แจ้งปิดปรับปรุงระบบข้ามวัน เตรียมสำรองเงินสดในการใช้จ่าย