ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ออกคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กวัยรุ่นตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป (ฉบับที่2) ระบุว่า แนะนำให้เด็กและวัยรุ่นฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดที่ได้รับการรับรอง ขึ้นทะเบียนกับองค์การ อาหารและยาแห่งประเทศไทยให้ใช้ในเด็กและวัยรุ่น โดยให้ตรงตามอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ และวัคซีนได้ผ่านการพิจารณาด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
เปิดคำแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เด็กและวัยรุ่น
ด.ช.13 ปี ติดโควิด 2 รอบ หายแล้วติดอีก รอบหลังเกินต้านเสียชีวิต - ศบค.ห่วง 4 จว.ชายแดนใต้
ซึ่งในขณะนี้ (ณ วันที่ 7 กันยายน 2564) มีวัคซีนโควิด-19เพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนชนิด mRNA ของ Pizer-BioNTech ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่12 ปีขึ้นไป
พร้อมกันนี้ ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กและวัยรุ่น อายุตั้งแต่ 16 ปีจนถึงน้อยกว่า 18 ปี ทุกรายหากไม่มีข้อห้ามในการฉีด ทั้งเด็กที่ปรกติแข็งแรงดีและที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค โควิด-19 ที่รุนแรงอาจถึงแก่เสียชีวิต
เพราะเป็นกลุ่มอายุที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีการดำเนินชีวิตใกล้เคียงกับผู้ใหญ่และมีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็ก และวัยรุ่นมากเพียงพอ
ส่วน เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปจนถึงน้อยกว่า 16 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนในกรณีเป็นผู้ป่วยเด็กกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรัง ซึ่งจะทำให้เกิดโควิด-19 ที่รุนแรงดังต่อไปนี้
1. บุคคลที่มีโรคอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร หรือมีน้ำหนัก 70 กิโลกรัม ขึ้นไปในเด็กอายุ 12-13 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัมขึ้นไปในเด็กอายุ 13-15 ปี น้ำหนัก 90 กิโลกรัมขึ้น ไปในเด็กอายุ 15-18 ปี หรือเด็กอ้วนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากภาวะทางเดินหายใจ อุดกั้น
2. โรคทางเดินหายใจเรือรัง รวมทั้งโรคหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง
3. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
4. โรคไตวายเรื้อรัง
5. โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
6. โรคเบาหวาน
7. กลุ่มโรคพันธุกรรมรวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า
พร้อม แนะนำให้งดออกกำลังกายอย่างหนักหรือการทำกิจกรรมอย่างหนักเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากฉีดวัคซีน เนื่องจากมีรายงานการเกิดผลข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบภายหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ซึ่งพบในอัตราที่ต่ำมาก จึงแนะนำให้เด็กและวัยรุ่นทุกราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและวัยรุ่นชายที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งโดสที่ 1 และ 2 ควรงดการออกกำลังกายหรือการทำกิจกรมอย่างหนักเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ภายหลังจากการฉีดวัคซีน
และในเวลาดังกล่าวนี้หาก เจ็บแน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหรือหายใจไม่อิ่ม ใจสั่น หน้ามืด เป็นลม ควรไปพบแพทย์ โดยแพทย์สงสัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ควรพิจารณาทำการตรวจค้นเพิ่มเติม
สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปจนถึงน้อยกว่า 16 ปี ที่สุขภาพแข็งแรงดี และในเด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี รวมทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดอื่นๆ ในเด็ก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามผลการศึกษาถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จะมีคำแนะนำเพิ่มเติมในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 ในอนาคตต่อไป
รพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย เปิดผลข้างเคียงวัคซีน ไฟเซอร์ ในเด็ก 12-18 ปี
"กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ" ในเด็ก หลังฉีดไฟเซอร์ เจอ 1 รายในประเทศไทย
ที่มา : ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
หมายเหตุ คำแนะนำนี้ออกวันที่ 7 ก.ย. 64 ก่อน ที่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” เปิดจองฉีดให้กับเด็กอายุ 10 – 18 ปี ในวันที่ 8 ก.ย.64