ระวัง! ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์นานเกิน 9 ชั่วโมง อาจเกิดภาวะโรคสายตาสั้นเทียม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต นานเกิน 9 ชั่วโมง เป็นประจำอาจส่งผลให้ตามัวบางขณะ มีอาการปวดตา ลักษณะนี้อาจเป็นสิ่งที่ทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะสายตาสั้นเทียม

ในโลกยุค social media คนไทยใช้เวลาค้นคว้าข้อมูลต่างๆรวมถึงสิ่งบันเทิงการซื้อของออนไลน์เฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมง ทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง พฤติกรรมเช่นนี้ ส่งผลให้มีการกระตุ้นการทำงานของดวงตาเป็นระยะเวลานาน อาจมีอาการตามัวบางขณะ มีอาการปวดตา อาจกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันได้ ลักษณะนี้อาจเป็นสิ่งที่ทางการแพทย์เรียกว่า  ภาวะสายตาสั้นเทียม  การพบจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรักษาเพื่อดูแลสุขภาพตา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย

ชวนคนเจนฯ เอส งดจ้องคอมพ์-มือถือ-แท็บเล็ต นานเกินชม.ลดเสี่ยงตาพิการ

คนชอบจ้องจอนานๆ ระวังเป็น...โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม

แพทย์แนะวิธีพ่อแม่ ดูแลลูกน้อยไม่ให้สายตาเสียระหว่างเรียนออนไลน์

ทั้งนี้ภาวะสายตาสั้นเทียม เกิดจากพฤติกรรมในการใช้ social media ทางสมาร์ทโฟน แท็บเลต การใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ใช้สายตาในการเพ่ง หรือจ้องที่มากเกินไป ซึ่งมีผลกระทบต่อต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อในตา จนเกิดความผิดปกติในการมองเห็นได้โดยมีอาการมองไม่ชัดค่อนข้างจะทันที หลังจากการใช้สายตาในระยะใกล้เป็นเวลานาน ซึ่งจะมีอาการเป็นชั่วคราวในรายที่มีอาการมากอาจปวดตา ปวดหัว บางครั้งมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย 

วิธีการป้องกันและการดูแลโรคภาวะสายตาสั้นเทียมนั้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยหลังการทำงานใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนในระยะใกล้เป็นเวลาต่อเนื่องนานเกิน 30 นาที  ควรพักสายตาเป็นเวลา 5 นาที ด้วยการมองไกล ๆ  

สำหรับในเด็กอายุต่ำกว่า  2  ปี ไม่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์จำพวกสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์เลย  และในเด็กที่มีอายุมากกว่า  2 ปี ไม่ควรใช้มากกว่า  2  ชั่วโมงต่อวัน  ภาวะสายตาสั้นเทียมพบได้ในบุคคลกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีสายตาปกติในช่วงอายุ  15-30  ปี และบุคคลที่อ่านหนังสือในที่แสงสว่างน้อย หรืออ่านในที่มืด

วิธีการแก้ไขคือ ควรพักสายตาโดยให้มองออกไปไกลๆ  หรือหลับตาเป็นระยะ นอกจากนี้กลุ่มบุคคลที่มีสายตายาวแต่กำเนิด ตั้งแต่อายุ  30 ปีขึ้นไป และในบุคคลที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปจะพบภาวะสายตาสั้นเทียมได้บ่อย ในกลุ่มบุคคลนี้การแก้ไข คือ การใช้แว่นสายตาเพื่ออ่านหนังสือ  

ในส่วนสำหรับการบริหารดวงตา หรือการโยคะกล้ามเนื้อของดวงตาที่มีการแนะนำกันต่อ ๆ มานั้น  เป็นการบริหารกล้ามเนื้อกลอกลูกตา  จึงไม่ช่วยบรรเทาภาวะสายตาสั้นเทียมนี้ ซึ่งเกิดจากการเกร็งกล้ามเนื้อภายในลูกตา  ดังนั้นข้อควรพึงระวังหากมีอาการตามัว มองไกลไม่ชัด อย่าเพิ่งคิดเอาเองว่า สายตาเราสั้นเพิ่มขึ้น แล้วไปตัดแว่นสายตา  อาจได้แว่นสายตาสั้นที่มากกว่าเดิมมาใส่(เกินความเป็นจริง)  แต่ควรได้รับการตรวจเช็คอาการอย่างละเอียดจากจักษุแพทย์ 

การใช้อาหารเสริมหรือวิตามินต่าง ๆ เพื่อป้องกันหรือรักษาดวงตานั้น  ไม่สามารถป้องกันหรือรักษาได้  ภาวะสายตาสั้นเทียมเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราวและไม่เป็นอันตราย ดังนั้น การพักสายตาหรือการใช้แว่นสายตา สามารถบรรเทาอาการได้ ซึ่งภาวะนี้ถือว่าไม่เป็นอันตราย กรณีอาการดังกล่าวนี้สามารถตรวจเพิ่มเติมได้กับจักษุแพทย์   

มีคำถามชวนสงสัยว่าเป็นสายตาสั้นเทียมแล้วต่อไปกลายเป็นสายตาสั้นจริงได้หรือไม่ มีคำตอบจากแพทย์จักษุว่า เป็นไปได้สูงมากจึงต้องพยายามอย่าให้เป็นสายตาสั้นเทียมอยู่นาน ดังนั้น หากมีอาการสายตาผิดปกติแนะนำให้พบจักษุแพทย์

ที่มา 
- โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง)
- กรมการแพทย์
 

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ