วันนี้ 22 ต.ค. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า สืบเนื่องจากการแถลงมาตรการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีการเสนอข้อสรุปให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯลงนามเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมาและมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 36 วันนี้จึงมานำเรียนในรายละเอียด รายชื่อประเทศ และ การเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรไทย
บรรยากาศ MUT 2021 รอบพรีลิมฯ 30 สาวงามอวดโฉมออร่าสะพรั่ง โชว์พลังแห่งสตรี
“นครเมลเบิร์น” ของออสเตรเลีย เปิดเมืองหลังล็อกดาวน์นานที่สุดในโลก
แห่เที่ยว “หาดบางแสน” สุดคึกคัก ต้อนรับหยุดยาว พ่อค้าแม่ค้าปลื้มยอดขายพุ่ง 3 เท่า
ข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 36
การระบาดของโรคโควิด -19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รัฐบาลจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการฟื้นฟูประเทศเพื่อประโยชน์ด้านการใช้ชีวิตความเป็นอยู่และด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชน ในเบื้องต้นจึงเห็นควรให้มีการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว อันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง
ในการนี้รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมประสานความร่วมมือ กับประเทศต้นทาง และบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนในการกำหนดมาตรการรองรับเพ่อให้การปฏิบัติมารการต่างๆเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบควบคู่กับการกำหนดมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและประชาชนอันส่งผลให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินการควบคู่กับมาตาการด้านสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่เริ่มปฏิบัติกันในประเทศต่างๆที่มีสถานการณ์คล้ายคลึงกัน
รีบเติม! พรุ่งนี้ปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน +40 สต. เว้น E85 +20 สต.
ข้อ 1 มีการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้มีการกำหนดเขตพื้นที่นำร่อง (Sandbox) ด้านการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อการดำเนินการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กับการกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่แบบบูรณาการ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม ความพร้อม และบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อการบังคับใช้ให้เหมาะสมและเป็นการเฉพาะจากเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์
การกำหนดพื้นที่ใดเป็นเขตนำร่องด้านการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามคำสั่งศบค. ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์
ข้อ 2.การกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้สถานที่ กิจการ หรือการดำเนินกิจกรรมในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สามารถเปิดดำเนินการได้ ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร(Covid Free Setting) รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ
ข้อ 3.การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวซึ่งเดิมเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากการจำแนกจังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ แต่ได้มีคำสั่งกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดนี้ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค. 2564
ข้อ 4.การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 500 คนในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
ข้อ 5.การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ในระยะเริ่มแรกของการดำเนินการเปิดเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวยังคงปิดดำเนินการไว้ก่อนในช่วงเวลานี้ โดยให้หน่วยงานและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมเพื่อการผ่อนคลายมาตรการตามที่ได้ประกาศไว้แล้วในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 15 ต.ค. 2564 เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการได้ต่อไปตามแผนและกรอบเวลาที่รัฐบาลจะประกาศกำหนด
ข้อ 6.การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยภายในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวและการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมของแต่ละจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี เสนอต่อศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เพื่อตรวจสอบ กลั่นกรอง และเสนอนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาปรับระดับความเข้มข้นหรือการผ่อนคลายของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในระดับท้องที่หรือเขตอำเภอที่อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัด ในความรับผิดชอบของตนได้ตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19ในห้วงเวลาต่าง ๆ
ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยสั่งปีด จำกัด หรือห้ามการดำเนินการของสถานที่ หรือสั่งให้งดการทำกิจกรรมอื่นในเขตพื้นที่รับผิดชอบซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มเติมจากมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19
ข้อ 7.การกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม เพื่อเอื้อต่อการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศต้นทางซึ่งได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และได้มีการประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินการตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล
ผ่าธุรกิจ “หมอเส็ง” เจ้าของแบรนด์ยาสมุนไพรชื่อดัง ปี'63 โกยรายได้ 800 ล้าน
ข้อ 8.มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในประเภทซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุข ตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ตามที่ได้เพิ่มเติมโดยข้อกำหนดนี้ เช่น การกำหนดประเทศหรือพื้นที่ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติ การมีหนังสือรับรองหรือหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การได้รับวัคซีนป้องกันโรคครบตามเกณฑ์ การตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 การมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลตามเกณฑ์ที่กำหนด และหลักฐานการชำระค่าที่พัก ให้เป็นไปตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า หลังจากที่นายกฯอนุมัติมาตรการก็มีคำถามมากมายในส่วนของการเดินทางเข้าราชอาณาจักร หรือการเดินทางเข้าประเทศไทยซึ่งรวมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ตอนนี้จะมีมาตรการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่ม 1.การเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องมีการกักตัว กลุ่มนี้จะมีอยู่ 45 ประเทศ+1 คือ ฮ่องกง โดยมีข้อจำกัดว่าผู้ที่จะเดินทางจะต้องพำนักในประเทศนั้นๆที่กำหนดต่อเนื่องอย่างน้อย 21 วัน ก่อนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ยกเว้นผู้ที่เพิ่งเดินทางออกจากประเทศไทย อันนี้สำหรับคนไทยและคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่จำเป็นต้องอยู่ครบ 21 วัน
โดยหลักเกณฑ์ดังนี้
(1) ต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม อย่างน้อยเข็มที่ 2 จะต้องมีระยะห่าง 14 วัน ก่อนวันเดินทาง
(2) ต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และมีผลยืนยันเป็นลบ
(3) ต้องมีประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
(4)เมื่อมาถึงและได้รับการตรวจ RT-PCR แล้ว การเข้าพักในคืนแรกในโรงแรมหรือสถานที่ที่ราชการกำหนด เมื่อรอครบ 1 คืนมีผลยืนยัน RT-PCR เป็นลบก็สามารถเดินทางไปที่อื่นได้โดยไม่ต้องกักตัว และต้องเน้นย้ำตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯฉบับที่ 36 คือนักท่องเที่ยว หรือ คนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเหล่านี้ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน หมอชนะ ตั้งแต่เดินทางมาถึงประเทศไทย จะต้องสามารถติดตามได้ว่าเดินทางไปที่ไหนอย่างไร รวมทั้งต้องร่วมมือมาตรการเฝ้าระวังในการติดเชื้อ มีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ เป็นต้น เมื่อไปใช้สถานประกอบการพื้นที่ใดจะต้องปฏิบัติตาม Covid FreeSetting และจะต้องทำตามมาตรการของสาธารณสุขไทยด้วย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า มีคำถามที่ประชาชนและ สื่อมวลชนถามเข้ามาคือว่า กรณีที่คนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มที่ไม่ต้องกักตัวนั้น ไม่จำเป็นต้องมีประกัน 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ขอเน้นย้ำว่าการอนุญาตมาตรการเหล่านี้เฉพาะการเดินทางทางอากาศเท่านั้น ในพ.ร.ก.ก็มีการระบุท่าอากาศยาน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย อู่ตะเภา และ บุรีรัมย์ ซึ่งจะต้องเป็นการเช่าเหมาลำเท่านั้น
กลุ่มที่ 2 คือ คนไทย หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ไม่เข้าเกณฑ์กลุ่มที่ 1 ก็สามารถเลือกเข้าโปรแกรมแซนด์บอกซ์ นอกจากภูเก็ตแล้วในวันที่ 1 พ.ย.ก็จะมี สมุย พังงา กระบี่ เป็นต้น หลักการก็เช่นเดียวกันกับกลุ่มที่ 1 แต่ที่เพิ่มเติมของกลุ่มโปรแกรมแซนด์บอกซ์ คือ ต้องมีหลักฐานการจองที่พักมาตรฐาน SHA Plus ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ในแซด์บ็อกซ์แอร์เรียเท่านั้น ไม่สามารถไปพักที่ไหนได้ตามอิสระ และจะต้องมีหลักฐานชำระเงินให้เรียบร้อยด้วย จะต้องกักตัว 7 วัน
นอกจากนี้จะต้องมีการตรวจโควิด-19 วันที่ 1 คือวันที่เดินทางมาถึง เมื่อตรวจแล้วมีผลเป็นลบก็สามารถเดินทางออกจากโรงแรมได้แต่จะต้องอยู่ในภายในสถานที่ที่กำหนด จากนั้นจะตรวจซ้ำในวันที่ 6 หรือ 7 ก่อนที่ออกจากโรงแรม
กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่ไม่เข้าเกณฑ์ทั้ง 2 ประเภท เช่นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือ รับแล้วแต่ยังไม่ครบ หรือ ฉีดเข็ม 2 ไม่ถึง 14 วันก่อนการเดินทาง รวมทั้งคนที่มาจากประเทศอื่นๆนอกจากเหนือจากประเทศ 45 +1 กลุ่มนี้ยังสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ ภายใต้เงื่อนไขกักกันตามที่ราชการกำหนด เช่น (AQ, OQ, AHQ) ตรงนี้จะต้องมีการกักตัวแต่มีรายละเอียดต่างกัน บางกลุ่มก็จะมีการกักตัว 7 วัน หรือ 10 วันแล้วแต่กรณีซึ่งต้องไปดูในรายละเอียด และจะต้องมีการตรวจหาเชื้อในวันที่เดินทางมาถึงและจะต้องตรวจซ้ำก่อนออกจาสถานกักตัว
ทั้งหมดนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงทางกระทรวงสาธารณสุขและ ศบค.จะติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีการปรับเปลี่ยนในแง่ของรายละเอียดก็จะแจ้งให้ทราบอย่างทันการณ์