อาการ “ชา” เป็นอาการทางระบบประสาท ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทรับความรู้สึก สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย หลายคนเคยเกิดอาการนี้ บ้างมีอาการเพียงชั่วครู่ บางคนมีอาการนาน แม้จะไม่กระทบการใช้ชีวิตมากนัก แต่ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกถึงอาการของโรค หรือเป็นสัญญาณแรกของโรค เช่น การขาดวิตามิน จากโรคเบาหวาน หากทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการเสียหายของเส้นประสาทอย่างถาวร และทำให้การรักษาหรือฟื้นฟูกลับมาต้องใช้เวลามากกว่าปกติ
“อ.เจษฎ์” เผย ดื่มชา-กาแฟ ไม่ใช่สาเหตุของโรคมือชา
“อาการขี้หนาว-หนาวง่าย” อาจเป็นสัญญาณเตือนโรค
อาการมือเท้าชาสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
1. นั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน
2. มีระดับแร่ธาตุ และวิตามินผิดปกติ เช่น ขาดวิตามิน บี 1-6-12
3. โรคบางโรค เช่น โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท งูสวัด เบาหวาน ปวดศีรษะไมเกรน ลมชัก หลอดเลือดสมอง และ Raynaud's phenomenon
4. ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นบ่อยจากการใช้ยาเคมีบำบัดหรือฉายรังสี
การรักษา จะเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ เช่น หากสาเหตุเกิดจากผลการคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ ในผู้ป่วยเบาหวาน ก็ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หรือการที่มีระดับแร่ธาตุ และวิตามินที่ผิดปกติไป เช่น ขาดวิตามิน บี 1-6-12 ก็อาจรักษาโดยการรับประทานวิตามินบี 1-6-12
อาการชาแบบไหนที่ควรรีบมาพบแพทย์
-อาการชาที่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น มีอาการในตำแหน่งอื่นๆ เพิ่มขึ้น หรือตำแหน่งที่ต่อเนื่องกัน
-อาการชาที่มีลักษณะรับความรู้สึกของตำแหน่งไม่ได้ เสียการทรงตัว
-อาการชาที่มีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย
-อาการชาที่มีอาการผิดรูปหรือมีแผลร่วมด้วย
-อาการชาร่วมกับมือเท้าร้อนหรือเย็นผิดปกติ
ที่มา อย., รพ.สมิติเวช, รพ.วิภาวดี