"ผักชี" ถือได้ว่าเป็นเครื่องเทศที่มีการนำมาปรุงอาหารยาวนานแล้ว โดยมีหลักฐานการปลูกในประเทศอียิปต์นานกว่า 3,500 ปี ก่อนจะมีการนำเมล็ดพันธุ์จากทวีปยุโรป ไปปลูกในประเทศจีน และด้วยคุณประโยชน์ของผักชีที่สามารถ แก้พิษ ขับลม และบำรุงธาตุ รวมทั้งยังช่วยให้ผู้รับประทานเจริญอาหารได้ จึงทำให้ตัวมันกลายเป็นพืช และเครื่องเทศที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
พบผู้เสียชีวิตจาก“โรคหัวใจ” ทุก1 ชม. รักษาเร็วโอกาสรอดชีวิตสูง
“แอลกอฮอล์ “สาเหตุหลักที่ทำให้ตับและตับอ่อนเกิดภาวะอักเสบ
ลักษณะของผักชีถูกจัดอยู่ในกลุ่มไม้ล้มลุก
- ลำต้นจะตั้งตรง ภายในกลวงและมีกิ่งก้านเล็ก ไม่มีขน สูงประมาณ 8-15 นิ้ว มีสีเขียว
- ลักษณะใบ จะเรียงคล้ายขนนก อยู่ในรูปทรงพัด มีรสชาติเหมือนพืชตระกูลมะนาว
- มีรากแก้วสั้นแต่รากฝอยจะมีมาก โดยรากจะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน
- ดอก จะออกเป็นช่อ ตรงส่วนยอดของต้น โดยจะมีขนาดเล็ก มีอยู่ 5 กลีบสีขาวหรือชมพูอ่อนๆ
- เมล็ดผักชี จะติดผลในฤดูหนาว ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม ตรงปลายผลจะแยกออกเป็น 2 แฉก จะมีกลิ่นหวานหอมคล้ายมะนาวจากสารในกลุ่มเทอร์ปีน
และจากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ตัวผักชี ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ อาทิ วิตามินเค วิตามินเอ วิตามินซี และแมงกานีส ซึ่งวิตามินเหล่านี้ สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพของกระดูก อีกทั้งมีสารประกอบฟลาโวนอยด์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระด้วย
ส่วนเหตุผลที่บางคนไม่ชอบกลิ่นผักชี เนื่องมาจากผักชีมีสารประกอบ อัลดีไฮต์ ซึ่งบางคนมียีนที่อ่อนไหวต่ออัลดีไฮต์จึงทำให้รู้สึกว่าผักชีมีกลิ่นแรง และทำให้ไม่ชอบ
และการที่คนชอบนำผักชีมาโรยหน้า นั้นก็เพราะกลิ่นรสของใบผักชี จะหายไปถ้าโดนความร้อน แต่ถ้านำมาโรยหน้าที่หลัง กลิ่นของรสของผักชี จะชัดเจนและหอมขึ้น จึงทำให้นิยมนำมาใส่ก่อนเสิร์ฟอาหาร
Facebook : วิทย์สนุกรอบตัว