โรคไข้รากสาดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Orientia tsutsugamushi (โอเรียนเทีย ซูซูกามูชิ) โดยถูกตัวไรอ่อนที่มีเชื้อกัด ซึ่งมีขนาดเล็กมาก และอาศัยอยู่ตามใบไม้ ใบหญ้าใกล้กับพื้นดินที่มีความชื้นแต่ไม่เปียกแฉะ จะเกาะติดไปตามเสื้อผ้าของคนและกัดผิวหนัง บริเวณที่มักถูกกัดคือ รักแร้ ขาหนีบ รอบเอว หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน จะแสดงอาการ ได้แก่ ปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น ไอ ตาแดง คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย มีผื่นแดงขนาดเล็กค่อยๆ นูนหรือใหญ่ขึ้น
ระวัง... 4 กลุ่มโรคติดต่อที่คนไทย มักเจอในช่วงฤดูหนาว
6 เทคนิค ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ในการช่วยลูกน้อย อ่านออกเขียนได้
หรืออาจพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (Eschar) แต่จะไม่ปวดและไม่คัน ผู้ป่วยบางรายอาจหายได้เอง บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ อาจทำให้เสียชีวิตได้
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์ “โรคไข้รากสาดใหญ่” หรือ “โรคสครับไทฟัส” (Scrub typhus) ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 27 ต.ค. 64 มีรายงานพบผู้ป่วยโรคไข้รากสาดใหญ่ 2,506 ราย พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ภาคที่มีจำนวนผู้ป่วยสูงสุด คือ ภาคเหนือ โดยพบว่าเครือข่ายบริการสุขภาพเขต 1 พบผู้ป่วยสูงสุด จำนวน 1,246 ราย ประกอบกับช่วงนี้ที่เข้าสู่ปลายฝนต้นหนาว จึงทำให้อาจมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้รากสาดใหญ่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ประชาชนมักเดินทางท่องเที่ยวตามป่าเขาและกางเต็นท์นอนเพื่อสัมผัสอากาศหนาว และยังเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกร
ดังนั้นหากใครคิดจะไปท่องเที่ยว ตั้งแคมป์ กางเต็นท์นอนในป่า หรือไปในพื้นที่เกษตรกรรม จึงควรป้องกันตัวเองด้วยวิธีดังนี้
1. ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว จนสามารถปกิดส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มิดชิด
2. ทาโลชันกันอยู่ ซึ่งสามารถป้องกันตัวไรอ่อนกัดได้
3. ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในบริเวณที่มีตัวไรอ่อนชุกชุม ไม่ว่าจะเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะ บริเวณที่มีการปลูกป่าใหม่หรือตั้งรกรากใหม่ ทุ่งหญ้า ชายป่าหรือบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสโรค
4. หลังออกจากพื้นที่เสี่ยงให้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย สระผม
5. นำเสื้อผ้าที่สวมใส่มาซักให้สะอาดด้วยผงซักฟอกเข้มข้น
เมื่อเลือดกำเดาไหล...ห้ามเงยหน้าเป็นอันขาด แต่ควรทำ 4 ขั้นตอนนี้
หากมีอาการไข้และอาการข้างต้น ภายใน 2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเข้าป่าให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว ป้องกันการเสียชีวิต
ที่มา
กรมควบคุมโรค